การยุบสภาคงจะเกิดขึ้นภายในวันสองวันนี้ และนับแต่นั้นเป็นต้นไปภาวะทางการเมืองย่อมจะเข้มข้นขึ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะกลายเป็นศูนย์กลางแห่งความสนใจของผู้สมัคร พรรคการเมือง และประชาชนทั่วไป จนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จสมบูรณ์
ภาระหน้าที่ของ กกต.นับว่าหนักไม่น้อย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้ระบบใหม่ กติกาใหม่ แม้ว่า กกต.จะคุ้นเคยกับการทำงานการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันมาเมื่อไม่นานนี้ แต่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ แตกต่างจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามากมายนัก ทั้งในแง่ของวิธีการหาเสียง ตัวผู้สมัคร และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญเดิมพันของผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้นสูงกว่าการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาหลายเท่าตัว เนื่องจากต่างก็มีอำนาจรัฐ และความเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเป้าหมาย
ต่างฝ่ายต่างคงงัดกลยุทธ์ เล่ห์เหลี่ยม การชิงไหวชิงพริบ ร้อยสีพันอย่างขึ้นมาใช้อย่างไม่มีกรอบจำกัด กำลังคนและกำลังเงินคงทุ่มเทกันจนหมดหน้าตัก
ถ้าถามว่า กกต. พร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงหรือไม่ กกต. คงตอบว่าพร้อมอย่างที่เคยตอบมา แต่คำว่า พร้อม ของ กกต. คงมีความหมายเพียงว่า ทำเท่าที่จะทำได้
แต่คำว่า พร้อม และ ทำเท่าที่จะทำได้ จะเพียงพอสำหรับการเลือกตั้งที่แปลกใหม่ทั้งระบบ และมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง หรือไม่
คงตอบได้ทันทีว่า ไม่
เพราะนอกจากระบบใหม่ เป็นระบบที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย และมีความยุ่งยากอย่างมากแล้ว แม้แต่ตัวกฎหมายเลือกตั้งเองก็เพิ่งจะได้รับการแก้ไขแล้วเสร็จหมาด ๆ ความเข้าใจที่มีต่อกฎหมายจะตรงกันระหว่างผู้ควบคุม (กกต.) กับผู้ถูกควบคุม (ผู้สมัครและพรรคการเมือง) หรือไม่ และแม้แต่ในหมู่ กกต.ด้วยกันเอง จะเข้าใจตรงกันหรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมา ดูเหมือนใครคิดอะไรได้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ทันทีโดยไม่ได้ปรึกษาหารือกันก่อน
ภาระงานของ กกต.ครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ความเป็นความตายของบ้านเมือง และความสำเร็จของการปฏิรูปการเมืองเป็นเดิมพันอันสำคัญ
กกต.จะมัวมาถือตัวว่าต่างคนต่างได้รับแต่งตั้งมาเป็นเอกเทศ ต่างคนต่างใหญ่ ต่างคนต่างสำคัญ และต่างคนต่างผลักดันงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่สนใจใยดีกับงานทั้งขบวนการอีกไม่ได้แล้ว
เมื่อทุกอย่างเป็นของใหม่ คนที่เกี่ยวข้องทุกคนจึงต้องการความชัดเจนแน่นอน และความแน่นอนนั้นต้องอยู่บนเหตุผลที่ดี มีความเป็นไปได้ ไม่ใช่เอาแต่ใจโดยไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กฎกติกาใด ๆ ก็ตามที่ยากต่อการปฏิบัติ หรือฝืนความเป็นจริงจนเกินเหตุ กฎกติกานั้นย่อมถูกละเลยได้ง่าย และเมื่อคนที่เกี่ยวข้องทุกคนละเลยหรือพยายามหลีกเลี่ยง กกต.ย่อมไม่มีกำลังความสามารถเพียงพอที่จะไปตามจับได้ทุกคน
เมื่อใด กกต.จับผิดในลักษณะ เท่าที่จะทำได้ อย่างที่ตำรวจจราจรจับคนทำผิดกฎจราจร กกต.ย่อมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป และจะกลายเป็นจำเลยเสียเองในเรื่องความเป็นกลาง
กกต.คงต้องยอมเสียเวลาสัก ๒ - ๓ วัน นั่งประชุมปรึกษาหารือกันอย่างจริงจังถึงขบวนการในการเลือกตั้งทั้งขบวนการ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าอย่างไรจะถือว่าเป็นการไม่สุจริต อย่างไรจะถือว่าเป็นการก่อให้เกิดความไม่เที่ยงธรรม แล้วกำหนดกติกาไว้เสียให้ชัดแจ้ง โดยก่อนกำหนดเป็นกติกาต้องรับฟังและนำความคิดเห็นของผู้คนที่เกี่ยวข้อง
มาประกอบการพิจารณาด้วย
อย่าคิดแต่เพียงว่าทุกคนต้องรู้กฎหมาย และต้องรู้เองว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ
เพราะความรู้ของคนทั้งประเทศไม่มีผลเท่ากับความรู้ของ กกต. เนื่องจาก กกต.เป็นคนมีอำนาจสุดท้ายที่จะชี้ขาด ความเห็นของคนอื่นใดไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไร จึงไม่อาจใช้ได้
ประการสำคัญ กกต.ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่า ผู้สมัครและพรรคการเมืองต่างกำลังมุ่งจะเอาชนะกันเป็นหลัก และพื้นฐานความเข้าใจของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งยังวางใจไม่ได้ เพราะง่ายต่อการถูกชักจูงด้วยอามิสสินจ้าง และอามิสสินจ้างนั้นก็มาในรูปแบบที่พิสดารมากขึ้น จนบางกรณี (สำหรับประชาชน) อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ ทำได้ หรือ ควรทำ ด้วยซ้ำไป เช่น กรณีเชิญชวนให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค แต่แทนที่จะเสียค่าสมัครหรือค่าสมาชิก กลับได้รับเงินเป็นค่าตอบแทน เป็นต้น บางกรณีก็คาบลูกคาบดอก เช่น การแจกเทปหาเสียง กกต.ถือว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นการให้ทรัพย์สิน (โดยถือว่าเทปเป็นทรัพย์สิน) จึงเกิดปัญหาตามมาว่า ถ้าเขาพิมพ์บัตรสวย ๆ ด้านหนึ่งเป็นรูปผู้สมัครพร้อมเบอร์ อีกด้านหนึ่งเป็นปฏิทิน จะทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ทำไมถึงทำได้ในเมื่อปฏิทินนั้นก็เป็นทรัพย์สินเหมือนกัน แต่ถ้าห้ามไม่ให้พิมพ์ปฏิทินก็ดูออกจะเกินเลยไป
จริงอยู่คงเป็นการยากที่ กกต.จะระบุการกระทำทุกชนิดไว้ได้หมด เพราะไม่รู้ว่าผู้สมัครและพรรคการเมืองจะมีวิธีพลิกแพลงอย่างไรอีก กกต.จึงต้องปรึกษาหารือกันเองและกับทุกฝ่ายเพื่อเขียนคำอธิบายไว้กว้าง ๆ แต่ให้ชัดเจนพอที่คนที่เกี่ยวข้องจะอ่านเข้าใจได้ โดยมีตัวอย่างต่าง ๆ เท่าที่เคยพบเห็นหรือนึกออก กำกับไว้ด้วย และต้องเปิดช่องทางให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่สุจริตสามารถสอบถามก่อนได้ว่าการกระทำที่เขาตั้งใจจะทำจะอยู่ในข่ายต้องห้ามหรือไม่ เพื่อเขาจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง
ต้องระลึกไว้เสมอว่า กกต.มิได้มีหน้าที่ในการควบคุมและจัดการกับการทุจริตแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ มีหน้าที่สำคัญในการดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยเที่ยงธรรมและสุจริตและประชาสัมพันธ์รวมทั้งส่งเสริมให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย จึงเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องทำให้เกิดความกระจ่างให้มากที่สุด
จะมัวนั่งรอจับผิดแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้
คนที่เขาไม่ค่อยชอบ กกต. เขาจ้องจะกล่าวหาอยู่แล้วว่า กกต.ลุแก่อำนาจ ไม่เที่ยงธรรม ซึ่งก็เป็นของธรรมดาของโลก ที่คนไม่ชอบ ย่อมต้องหาเหตุมาว่ากันได้ต่าง ๆ นานา
ทางที่ปลอดภัยจึงอยู่ที่การรับฟังความคิดเห็น และกำหนดกติกาให้ชัดเจนเป็นการล่วงหน้าก่อนที่จะลงมือหาเสียงกัน
ความจริงภาระงานทั้งหมดที่ กกต.จะต้องรับผิดชอบ เป็นเรื่องค่อนข้างจะเหลือบ่ากว่าแรงสำหรับคน ๕ คน ที่มากันคนละทิศละทาง แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อรับภาระเข้ามาแล้วก็คงต้องอดทนทำกันไปให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งท้อแท้เสียกลางคัน ถ้าแต่ละท่านลดอัตตาลงบ้างอาจทำให้การทำงานราบรื่นมากกว่าที่เป็นอยู่ และความเหนื่อยใจก็คงจะลดน้อยลง
ขอได้รับความเห็นใจ และขอให้โชคดี
|