เรียน อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่เคารพ
ดิฉันได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6340-6345/2544 แล้วสรุปได้ว่า เมื่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้ขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนเนื่องจากเป็นบริษัทร้าง และได้ประกาศแจ้งความโฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต้องถือว่าบริษัทเลิกกันตั้งแต่วันประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามป.พ.พ.มาตรา 1246(5) และเมื่อบริษัทเลิกกันแล้วมีผลให้กรรมการเข้ามาเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทและมีอำนาจอยู่เช่นเดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 1251 และ 1252 หลังจากนั้นผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนเลิกบริษัทตามมาตรา 1254 และดำเนินการชำระบัญชีต่อไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จนกระทั่งชำระบัญชีเสร็จแล้วก็ต้องจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีตามมาตรา 1270
ดิฉันขอเรียนถามอาจารย์ว่า
(1) ตามคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวข้างต้นเมื่อถือว่าบริษัทเลิกกันแล้วตั้งแต่วันประกาศราชกิจจานุเบกษา เหตุใดผู้ชำระบัญชีจึงต้องจดทะเบียนเลิกบริษัทตามมาตรา 1254 อีก
(2) มาตรา 1254 กำหนดให้ผู้ชำระบัญชียื่นคำขอจดทะเบียนเลิกบริษัทภายใน 14 วันนับแต่วันเลิก ดังนั้นหากกรรมการบริษัทเพิ่งทราบหลังจากการประกาศราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเกิน 14 วัน จึงมาจดทะเบียนเลิกบริษัทจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ พ.ศ. 2499 มาตรา 33 หรือไม่
ขอขอบพระคุณอย่างสูง
พัชรีภรณ์
เรีน คุณพัชรีภรณ์
1. การเลิกเพราะนายทะเบียนขีดฆ่าชื่อออก เป็นการเลิกโดยผลของกฎหมาย และเมื่อมีผลของกฎหมายกำหนดให้เลิกแล้ว กลไกของกระบวนการในการเลิกกันจึงย่อมเริ่มต้น คือผู้ีมีหน้าที่ต้องไปดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการจดทะเบียนเลิกเท่านั้นหากแต่ต้องแจ้งรายชื่อผู้เป็นผู้ชำระบัญชีให้คนทั่วไปได้ทราบด้วย
2. ปกติเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็ถือว่าทุกคนต้องทราบ แต่โดยสภาพความจริงอาจจะไม่รู้ได้ ดังนั้นถ้าพิสูจน์กับเจ้าหน้าที่ได้ว่าไม่ทราบจริง ๆ ก็อาจถูกลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้