เรียน คุณมีชัย
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเช่นเดียวกันกับ บทความเช่าซื้อ http://www.meechaithailand.com/qa/qashow.php?Tblquesid=013439 แต่ในกรณีของผมผ่านไป ปีกว่าแล้ว จึงได้มีสำนักงานกฏหมายโทรมาแจ้งว่า ตอนนี้ทางสำนักงานกฏหมายได้แจ้งความกับโรงพักกับผมในข้อหาคดียักยอกทรัพย์ ซึ่ง ความเดิมคือ ผมได้ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องเสียงในราคา ประมาณสองหมื่นกว่าบาท และได้ชำระไปจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นผมได้ย้ายที่ทำงานแต่ผมติดต่อบริษัทไม่ได้ เนื่องจากสัญญาผม ไม่ได้รับสำเนา (ได้รับเพียงใบนำส่งสินค้าชั่วคราว ทางตัวแทนให้เหตุผลว่าต้องนำเอกสารส่งบริษัททั้งหมด) ผ่านไป 1 ปี ปรากฏว่า มีการโทรมาแจ้งดังกล่าวจึงขอเรียนถาม คุณมีชัยดังนี้นะครับว่า
1. ในกรณีนี้จะถือว่าเป็นคดียักยอกทรัพย์ได้หรือไม่ (ปัจจุบันทรัพย์สินยังอยู่กับผม แต่เคยมีประวัติผ่านเข้า-ออกโรงจำนำ 1 ครั้ง)
2. ทางทนายของสน.กฏหมายแจ้งว่า ให้ผมดำเนินการโอนเงินจ่ายให้หมด เพื่อเขาจะได้ยกฟ้องคดีที่โรงพัก แต่ผมต่อรองว่า ขอผ่อนเป็นงวดได้ไหม เขาตอบกลับมาว่าได้ แต่ให้ได้เพียง 6 งวด เท่านั้น และได้บอกว่า บัญชีที่จะให้โอนเงินเข้านั้น จะบอกในวันที่จะทำการโอนเงิน ยังไม่บอก ณ วันที่โทรมาหาผม คุณมีชัย คิดว่าผม ควรโอนให้ไหมครับ (กำหนด 18 ก.พ. 49)
3. ในกรณี ถ้าผมคืนทรัพย์สินจะสามารถยกเลิกสัญญาได้ หรือไม่
4. ผมได้รับคำ (กึ่งๆเชิงคำขู่) ว่า ถ้าผมไม่ดำเนินการจ่ายให้เขาจะนำตำรวจมาหาที่ทำงานเพื่อแจ้งอายัดเงินเดือนกับฝ่ายบุคคล ที่ทำงานของผม เขา สามารถทำได้ไหม ครับ
ขอความกรุณาด้วยครับ
กฤต
เรียน คูณกฤฒ
อันสัญญาเช่าซื้อนั้น คือสัญญาเช่าบวกกับคำมั่นว่าจะขายหรือโอนกรรมสิทธิในทรัพย์นั้นให้เมื่อได้ชำระเงินครบถ้วนตามที่กำหนด อันเป็นสัญญาทางแพ่ง เมื่อผิดนัดไม่ชำระเงินตามที่กำหนด สองคราวติดต่อกัน ผู้ให้เช่าก็อาจบอกเลิกสัญญาและริบเงินที่ได้ชำระไว้แล้วทั้งหมดได้ เรื่องจึงไม่ใช่เป็นความผิดอาญา เว้นแต่คุณจะเอาทรัพย์สินของเขาไปขาย ทนายความเขาคงขู่คุณโดยอาศัยความไม่รู้ของคุณ เพื่อให้คุณตกใจ จะได้ไปชำระหนี้เขาต่อไป ถ้าคุณไม่ประสงค์จะได้เครื่องเสียงนั้นไว้ จะบอกเลิกสัญญาและคืนเครื่องเสียงให้เขาไปก็ได้