กราบเรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
มีเรื่องที่ต้องขอรวบกวนอาจารย์ ช่วยชี้แนะแนวทางให้กับปัญหาที่จะกราบเรียนถามทอาจารย์ ดังนี้ค่ะ
ยาย(ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่) มีที่นาประมาณ 15 ไร่ ซึ่งต้องการยกให้ลูกๆ 3 คน คือ ก ข และ ค เมื่อปี 2548 ค ได้ขอให้ยายโอนที่นาดังกล่าวให้กับ ค แต่เพียงผู้เดียว โดย ก ข ก็รู้เห็นการโอนด้วย แต่ไม่ได้คัดค้าน เพราะ ค ได้ขอร้องไว้ และ ก ข เห็นแก่ความเป็นพี่น้องกัน เพราะในขณะนั้น ค กำลังมีปัญหาเรื่องเงิน เมื่อยายโอนที่นาให้ ค แล้ว ค จึงนำไปจำนองไว้กับ ธกส. ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการไถ่คืนจาก ธกส. รวมหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ยประมาณ 230,000 บาท ณ ขณะนี้ ก ข ต้องการให้ ค ไปไถ่หนี้กาจำนองจาก ธกส.คืน เพื่อดำเนินการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ในที่นาให้ ก ข และ ค ตามที่ต้องได้ในส่วนของแต่ละคน แต่ ค อ้างว่าไม่มีเงินไปไถ่คืน ก จึงเสนอให้เงินไปไถ่คืน แต่มีข้อแม้ว่า ค ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในส่วนที่เป็นของ ค ให้กับ ก ถือกรรมสิทธิ์ไว้ก่อน เมื่อมีเงินแล้วก็ให้มาไถ่คืน เพื่อเป็นหลักประกัน แต่ ค ไม่ยินยอมไปไถ่คืน แต่ต้องการทำพินัยกรรมอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่า ค ไม่มีเจตนาที่จะคืนกรรมสิทธิ์ในส่วนที่เป็นของ ก และ ข คืนให้
1.ก ข จะมีวิธีดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะ เพื่อที่จะได้กรรมสิทธิ์นั้นคืนมาจาก ค
2. ก ข สามารถฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ เพราะทำกินในที่นาดังกล่าวในส่วนที่เป็นของตัวเองเป็นระยะเวลาเกินกว่าสิบปีแล้ว
3.ท่านอาจารย์ พอจะมีแนวทางชี้แนะสำหรับ ก ข ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรบ้างคะ โปรดชี้แนะแนวทางด้วยนะคะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ
๑. น่าจะไม่มีทาง เพราะเมื่อยอมให้ยายโอนที่ดินทั้งหมดให้ ค.ไปแล้ว ที่ดินนั้นก็เป็นของ ค. ค. จะให้ที่ดินกับ ก. และ ข. หรือไม่ก็เป็นสิทธิของ ค.
๒. ถ้าได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา ก็อาจอ้างครอบครองปรปักษ์ได้ แต่ได้มาแล้วก็คงติดจำนองอยู่นั่นเอง ตราบใดที่ที่ดินนั้นยังไม่ได้มีชื่อของตัวเองอยู่ในทะเบียนในฐานะเป็นเจ้าของ ก็อย่าได้ไปไถ่จำนองเข้าทีเดียว มิฉะนั้นจะเสียกำแล้วซ้ำเสียกอบ