การคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก
เรียน อาจารย์ มีชัย
คุณแม่เสียชีวิตเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ไม่ได้ทำพินัยกรรมเพียงแต่บอกลูกๆว่าถ้าแม่ตายให้แบ่งเท่าๆ กัน คุณแม่มีลูก ๔ คน ตายก่อนคุณแม่เสียชีวิต ๑ คน ณ ว้นที่คุณแม่เสียชีวิตมีลูกเหลืออยู่ ๓ คน ต่อมาหลานชึ่งเป็นบุตรของลูกตนที่เสียชีวิตของคุณแม่ได้ยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาล โดยลูกๆมิได้ทราบเรื่องแต่ประการใด (หลานแจ้งให้น้องของตนเองทราบคนเดียว) และศาลมีคำสั่งตั้งหลานคนดังกล่าวเป็นผู้จัดการมรดก ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ในขณะที่ลูกๆ ได้เตรียมยื่นเป็นผู้จัดารมรดกในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ (มัวแต่เตรียมหลักฐาน และรวบรวมทรัพย์มรดก) ประเด็นคำถาม
๑. ลูกๆจะขอยื่นคร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนหลานจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่ เนื่องจากต่อยื่นคำร้องต่อศาลไม่ได้แจ้งให้ทายาทรับรู้ มารู้ในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ (หลานคนนี้ไม่เคยมาดูแลย่าเลย ประกอบกับคุณแม่สั่งด้วยวาจาว่าถ้าแม่ตายทุกอย่างหาร ๓ แก่ลูกท่ียังมีชีวิต)
๒. ตามหลักกฎหมายแล้วหลานมีสิทธิในทรัพย์มรดกของคุณแม่หรือไม่ เนื่องจากคุณพ่อของเขาเสียก่อนคุณแม่
๓. คุณแม่สั่งด้วยวาจาว่าไม่ให้ทรัพย์มรดกแก่หลานจะให้แต่ลูก โดยเฉพาะหลานที่ขอเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากเคยให้คุณแม่เช็นต์รับเงินของลูกชายที่ตายแต่ไม่เคยนำเงินมาให้คุณแม่ และยังเอารถที่คุณแม่ชื้อให้ลูกคนที่ตายไปจากบ้านคุณแม่โดยหลอกว่าของยืมขับระหว่างทำธุระในกทม. แต่กลับขับไปที่บ้านต่างจังหวัดและไม่ยอมคืนคุณแม่ (ก่อนคุณแม่เสียชิีวิต ๒ - ๓ ปี)
๔. ก่อนคุณแม่เสียชีวิตคุณแม่ได้ส่วนแบ่งมรดกของคุณพ่อ ชี่งผู้จัดการมรดกแจ้งให้คุณแม่ทราบจำนวนที่จะได้รับและสั่งด้วยวาจาให้ผู้จัดการมรดกนำฝากบัญชีของคุณแม่ และผู้จัดการมรดกก็ได้ดำเนินการตามความประสงค์ของคุณแม่ เนื่องจากคุณแม่เข้ารพ.และเสียชีวิต จึงไม่ได้ลงชื่อรับส่วนมรดกดังกล่าว การกระทำของผู้จัดการมรดกถือว่าถูกต้องหรือไม่
ขอขอบพระคุณอาจารย์มาล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยคะ |