ตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา
สำเนาจากต้นฉบับ
เรียน นายกสภามหาวิทยาลัยบูรพา
อ้างถึง หนังสือ ศธ 0509.6 (4)/9324 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2547 เรื่อง หารือการแต่งตั้งพนักงานมหาวิทยาลัยบูรพาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของมหาวิทยาลัย โดยสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาพิจารณาว่า หัวหน้าภาควิชาต้องแต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำที่เป็นข้าราชการของมหาวิทยาลัยเท่านั้น เพราะพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มาตรา 29 กำหนดให้หัวหน้าภาควิชาต้องแต่งตั้งจากคณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย และมาตรา 38 กำหนดให้การแต่งตั้งคณาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
แต่ปัจจุบันการบริหารงานของประเทศและมหาวิทยาลัยมีการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่น่าจะมีผลกระทบกับคำพิจารณาดังกล่าว คือ ระดับประเทศมีการยกเลิกพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507 และใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 แทน ระดับมหาวิทยาลัยมีการยกเลิกข้อบังคับมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยสภาอาจารย์ พ.ศ. 2536 และใช้ข้อบังคับมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยสภาอาจารย์ พ.ศ. 2548 แทน ทำให้มีข้อสงสัย ดังต่อไปนี้
1. ข้อบังคับมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยสภาอาจารย์ พ.ศ. 2548 ข้อ 4 ให้ความหมาย คณาจารย์ หมายความว่า ผู้สอนที่เป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย และ อาจารย์ หมายความว่า อาจารย์ประจำ ทั้งที่เป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะจ้างจากเงินงบประมาณหรือเงินรายได้ที่มีสัญญาจ้างตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป การปรับปรุงข้อบังคับว่าด้วยสภาอาจารย์แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการบริหารที่ต้องการให้เกิดความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันในการดำเนินการของมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มาตรา 22 ดังนั้นคำว่า คณาจารย์ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มาตรา 29 และมาตราอื่นแห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มีความหมายเดียวกันหรือไม่ หรือมีความหมายแตกต่างกัน หากมีความหมายเดียวกันแสดงว่าพนักงานมหาวิทยาลัยที่มีคุณสมบัติครบตามมาตรา 29 สามารถเป็นหัวหน้าภาควิชาได้ใช่หรือไม่ แต่หากมีความหมายแตกต่างกัน ให้ใช้ความหมายใด หรือให้นิยามความหมายใช้แตกต่างกันได้ต่างกรรมต่างวาระ และหากใช้ความหมายแตกต่างกันจะทำให้เกิดความไม่เสมอภาคและความเท่าเทียมกันตามเจตจำนงแห่งพระราชบัญญัตินี้และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันหรือไม่
2. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มาตรา 38 กำหนดให้คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอนคณาจารย์ประจำตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย และสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาใช้มาตรา 38 พิจารณาให้หัวหน้าภาควิชาต้องเป็นข้าราชการของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ต่อมาเมื่อมีการยกเลิกพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507 และใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 แทน ดังนั้นพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มาตรา 38 ต้องใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 แทนด้วยหรือไม่ หากต้องใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 แทนพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507 ตำแหน่งผู้บริหารในมหาวิทยาลัยบูรพาต้องเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 18 หรือไม่
3. หากตำแหน่งผู้บริหารในมหาวิทยาลัยบูรพาต้องเป็นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 18 พบว่า การกำหนดตำแหน่ง การบรรจุและการแต่งตั้งตำแหน่งประเภทผู้บริหารมีความขัดแย้งกัน เพราะการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาและผู้บริหารเกือบทุกตำแหน่งในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 มิได้กำหนดว่าต้องเป็นข้าราชการ ยกเว้นตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา ทำให้มีข้อน่าสังเกตว่า เหตุใด พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 จึงกำหนดให้หัวหน้าภาควิชาต้องเป็นข้าราชการเพียงตำแหน่งเดียว
จากข้อสงสัยดังกล่าว เมื่อพิจารณาจากทิศทางการบรรจุและแต่งตั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันและอนาคตเป็นการบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ดังนั้นสัดส่วนของอาจารย์ที่เป็นข้าราชการกับพนักงานจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในภาควิชาต่าง ๆ จะมีอาจารย์ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยมากกว่าอาจารย์ที่เป็นข้าราชการ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ หากยังไม่มีความชัดเจนในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533 ปัญหาเรื่องความเสมอภาคและเท่าเทียมของอาจารย์ในภาควิชาและโอกาสในการได้มาซึ่งหัวหน้าภาควิชาที่มีความเหมาะสมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และตอบข้อสงสัยในความไม่ชัดเจนในการดำเนินการของมหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัติ ด้วย |