หมดกำลังใจในการทำงานกับราชภัฏ
เรียนท่านมีชัย
ดิฉันเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งซึ่งท่านมีชัยมีตำแหน่งเป็นประธานสภามหาวิทยาลัย ในปี 2550 ดิฉันและเพื่อนอาจารย์จำนวนหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ทำงานวิจัยเรื่อง การประเมินโครงการต่อสู้ความยากจนตามแนวชายแดน ในนามของมหาวิทยาลัย โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และหัวหน้ากลุ่มวิจัยในนามของมหาวิทยาลัย ได้ลงนามในสัญญาการวิจัยไปเมื่อวันพุธที่ 11 เมษายน 2550 การวิจัยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่คณะทำงานกลุ่มเดียวกัน ได้รับความไว้วางใจจาก กอ.รมน.
งานวิจัยครั้งนี้จำเป็นต้องเก็บข้อมูลจากหมู่บ้านในจังหวัดต่าง ๆ ตามแนวชายแดน จำนวน 889 หมู่บ้าน จาก 17 จังหวัด เช่น อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นต้น หลังจากได้ลงนามในสัญญาดังกล่าวแล้ว ทางกลุ่มผู้วิจัยได้ตกลงกันว่า จะพยายามเก็บข้อมูลวิจัยให้ได้มากที่สุดก่อนเปิดภาคการศึกษา ในวันที่ 10 มิถุนายน เพื่อให้กระทบต่อการเรียนการสอนน้อยที่สุด เนื่องจากสถานที่ที่จะต้องไปแต่ละแห่งนั้นอยู่ห่างกัน และไกลจากตัวจังหวัดมาก โดยได้กำหนดการเดินทางดังนี้ 2-4 พ.ค. ภาคตะวันออก 7-11 พ.ค. ภาคเหนือ 14-18 พ.ค. ภาคใต้ 28 พ.ค.-1 มิ.ย. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคตะวันตกนั้นยังมิได้กำหนดวัน
ในการเดินทางดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่าย ได้แก่ ค่าทำแบบสอบถาม ค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยงและอาหารของผู้เก็บข้อมูล จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอยืมเงินจากทางมหาวิทยาลัย โดยหัวหน้ากลุ่มวิจัยได้ทำเอกสารเพื่อขอยืมเงินจำนวนหนึ่ง แต่ได้รับการปฏิเสธจากท่านอธิการบดี ด้วยการไม่ลงนามในหนังสือสัญญายืมเงิน โดยอ้างว่า ไม่มีระเบียบรองรับ และไม่เคยให้ใครยืมเงิน ซึ่งการยืมเงินเพื่อใช้จ่ายในการทำงานนี้เป็นเรื่องปกติที่มีการยืมอยู่เสมอ และมีหนังสือสัญญายืมเงินที่ชัดเจน ทำให้คณะทำงานมีความรู้สึกสงสัยในเหตุผลที่ท่านอธิการอ้าง และรู้สึกหมดกำลังใจในการทำงานเป็นอย่างมาก แต่เนื่องด้วย ได้สั่งทำแบบสอบถาม และได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่ที่ปลายทางไว้แล้ว จึงได้เดินทางไปยัง อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด และ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเก็บข้อมูลตามกำหนดการเดิม โดยคณะวิจัย ได้รวบรวมเงินส่วนตัวเพื่อเดินทางไปเอง ในวันที่ 2-4 พ.ค. การเดินทางครั้งนี้ระยะทางสั้นที่สุดในพื้นที่ในการวิจัย ใช้เงิน ค่าน้ำมัน และค่าอาหารถึง 9,000 บาท ค่าเอกสาร ประมาณ 3,000 บาท จากนั้นจึงได้ยกเลิกการเดินทางที่เหลือไว้ก่อน เนื่องจากคาดว่าไม่มีกำลังทรัพย์พอเพียงที่จะรับผิดชอบเองได้
จากการกระทำดังกล่าวของท่านอธิการบดี ทำให้คณะทำงานเสียกำลังใจในการทำงาน เนื่องจาก คณะวิจัยได้รับงานในนามของมหาวิทยาลัย แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย ทั้ง ๆ ที่ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารหลักสูตรที่ระยองรีสอร์ท จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 30 เม.ย.-2 พ.ค. ซึ่งท่านมีชัยเอง ก็ได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ท่านอธิการบดีได้กล่าวไว้ในที่ประชุมอย่างชัดเจนว่า ยินดีที่จะให้การสนับสนุนงานวิจัย ต้องการให้คณะอาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้มีงานวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองและมหาวิทยาลัย แต่เมื่อถึงเวลาที่กลุ่มของดิฉันได้ขอความช่วยเหลือ โดยถูกต้องตามระเบียบของมหาวิทยาลัยกลับได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ทั้ง ๆ ที่ผลงานที่ทำสามารถใช้เป็นผลงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของมหาวิทยาลัยได้ ดิฉันจึงมีเรื่องที่จะขอคำแนะนำจากท่านมีชัยดังนี้
1. ในความคิดเห็นของท่าน ท่านอธิการบดีกระทำเช่นนี้ด้วยเหตุผลใด เพราะการลงนามในหนังสือสัญญายืมเงิน หรือเบิกเงินจากมหาวิทยาลัยแต่ละครั้ง ท่านอธิการบดีจะลงนามช้ามาก บางครั้งส่งเรื่องล่วงหน้าเป็นเดือน เมื่อถึงเวลาท่านอธิการบดีก็ยังไม่ลงนาม ทำให้หลาย ๆ คน เบื่อที่จะทำงานให้กับมหาวิทยาลัย รวมทั้งตัวดิฉันด้วย สำหรับดิฉันได้เบนเข็มมาทำงานวิจัยเพื่อเลี่ยงปัญหาดังกล่าว ก็ปรากฏว่ายังพบปัญหาเดิม เพราะการเบิกจ่ายเงินจะต้องผ่านมหาวิทยาลัย หากเป็นเช่นนี้ อาจารย์จำนวนมากคงจะหมดกำลังใจในการทำงาน และทุกคนคงสอนตามหน้าที่ไปวัน ๆ ไม่คิดจะพัฒนาศักยภาพของตัวเองเพื่อให้เป็นศักยภาพของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด
2. หากดิฉันและคณะวิจัยจะยกเลิกการวิจัยครั้งนี้จะมีผลใดต่อหัวหน้าคณะวิจัยในฐานะผู้ลงนามแทนท่านอธิการบดี หรือไม่ เนื่องจากในสัญญาของการวิจัยจะมีการปรับค่าเสียหายหากงานวิจัยไม่เสร็จสิ้น คณะวิจัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเหล่านั้นด้วยหรือไม่ เพราะหากคณะทำงานไม่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแล้ว ยังจะต้องรับผิดชอบแทนมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมต่อคณะทำงานนัก มีข้อกฎหมาย กฎระเบียบใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่จำเป็นต้องทราบ
3. ตามความคิดเห็นของท่าน ปัญหาเช่นนี้ควรจะแก้โดยวิธีใด หรือมีเหตุผลใดที่ดิฉันควรทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพื่อให้การทำงานครั้งต่อไปราบรื่นมากขึ้น
ด้วยความเคารพอย่างสูง
น.ส.อาทิมา แป้นธัญญานนท์ |