ข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องในม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์
เรียน ท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
หนูเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ค่ะ ตอนนี้ทำหน้าที่สอนหนังสือเพียงอย่างเดียวเพราะประสบการณ์ยังน้อยอยู่ค่ะ เมื่อมาทำงานนานเข้าหนูก็เริ่มสังเกตการทำงานของฝ่ายบริหารเปรียบเทียบกับองค์กรอื่นที่หนูเคยทำมาก่อน แต่หนูชอบการสอนและที่บ้านอยากให้เป็นครูเลยมาทำงานที่นี่ค่ะ ตอนนี้หนูมีข้อสงสัยบางประการที่อยากให้อาจารย์ช่วยในฐานะที่อาจารย์เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยแห่งนี้ แม้บางข้ออาจไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของอาจารย์โดยตรง แต่เชื่อว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยต้องรับฟังข้อชี้แนะของอาจารย์และนำไปปฏิบัติแน่ค่ะ นอกจากนี้หนูอยากกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่มีส่วนสำคัญยิ่งในการผลักดันให้อาจารย์อัตราจ้างได้เป็นอาจารย์พนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งมีความมั่นคงขึ้น หลังจากเคว้งคว้างมานานหลายปี เชื่อว่าถ้าไม่มีอาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิคงต้องรออีกนานแสนนานแน่นอนค่ะ เพราะรุ่นพี่ที่นี่บอกรอมากว่า 5 ปีจนบางคนรอไม่ไหวไปที่อื่นแล้ว เรายังคุยกันว่าอาจารย์มาเป็นนายกสภาที่นี่ถูกที่ถูกเวลาเลย มหาวิทยาลัยเราเล็กเพิ่งจะเริ่มพัฒนา ทุกคนรู้และยอมรับว่าอาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิมีส่วนช่วยมากที่สุดมากจริงๆ แม้เราจะไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิด แต่เราก็รู้และติดตามค่ะ หนูขอเริ่มคำถามเลยนะคะ
1. เมื่อเร็วๆนี้ทางรัฐบาลได้จัดสรรตำแหน่งพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างโดยใช้งบประมาณแผ่นดินมาให้มหาวิทยาลัยจัดคนลง ทั้งสายวิชาการ และสายสนับสนุนจำนวนหนึ่ง เท่าที่ทราบจำนวนประมาณ 30 อัตรา และจะทยอยส่งตำแหน่งแบบนี้มาให้เพิ่มเติมต่อไป ขณะนี้มีการจัดคนลงสู่ตำแหน่งดังกล่าวแล้ว แต่หนูสงสัยว่าทำไมมหาวิทยาลัยไม่ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกให้ชัดเจน มีผู้บริหารท่านหนึ่งบอกว่า มีการแต่งตั้งกรรมการคัดเลือกซุ่มดูพิจารณาผู้ที่เหมาะสม มีเกณฑ์บางข้อบอกว่าหากใครจบมหาวิทยาลัยดีกว่า โอกาสก็จะมากกว่าด้วย ไม่ต้องรีบร้อนลงตำแหน่ง ลงก่อนลงหลังค่าเท่ากัน ยังไงก็จะได้ลงใน 4 ปี ดูๆชอบกล ลงก่อนอาวุโสและอัตราเงินเดือนก็น่าจะเริ่มต้นก่อนใช่ไหมคะ การพูดแบบนี้ไม่น่ามาจากคนระดับบริหารเลยค่ะ มหาวิทยาลัยควรประกาศหรือจัดประชุมอธิบายรายละเอียดให้อาจารย์ทราบว่าจะมีหน่วยงานใดบ้างที่จะได้กี่ตำแหน่ง และมีการพิจารณารูปแบบใด วิธีการอย่างไร
2. หนูชอบดู Website ของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภามหาวิทยาลัย เพราะเป็นส่วนที่บอกความก้าวหน้าและความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัย การประชุมเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมามีการนำเสนอร่างข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการสรรหาคณบดี ครั้งนี้ถ้าผ่านสภาก็จะเป็นฉบับที่ 3 ต่อจากฉบับที่ 1 (ปี 2547) และฉบับที่ 2 (ปี2549) หนูกับเพื่อนบางคน(เพื่อนส่วนใหญ่ตอนนี้ยังไม่รู้) ไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขและเสนอร่าง เพราะหนูเห็นว่า ฉบับที่ 2 เพิ่งใช้และก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างอาจารย์ในคณะจะรู้จักและอยู่ใกล้ชิด รู้พฤติกรรมของผู้ถูกเสนอชื่อ วิธีการหยั่งเสียงตามวิธีการสรรหาฉบับที่ 2 จึงน่าจะดีกว่าร่างฉบับใหม่ อาจารย์ช่วยยับยั้งหรือจะทำอย่างไรดีคะ ร่างฉบับที่กำลังเสนอจึงจะตกไป หนูว่าคนเสนอต้องมีอะไรในใจแน่เลย ใครๆ ก็คิดอย่างนี้ค่ะ หนูว่าหนูอยากให้มีการเสนอร่างเกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดีให้พนักงานมหาวิทยาลัยมีสิทธิเสนอชื่อและหยั่งเสียงผู้สมควรเป็นอธิการบดี ตอนนี้พนักงานมีสิทธิแค่หยั่งเสียงคณบดีเองคะ
3. Web meechaithailand.com ของอาจารย์มีประโยชน์มากค่ะ หนูชอบอ่าน เห็นใจที่อาจารย์มีงานเยอะมาก งานสำคัญๆ ทั้งนั้น แต่ก็ยังสละเวลาตอบให้ ที่มหาวิทยาลัยเวลามีใครเขียนมาถามอาจารย์แล้วเนื้อความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยของเรา จะมีการสำเนาแจกกันอ่านทั่วเลยค่ะ พวกพี่ๆ บอกว่าพวกผู้บริหารเต้นกันใหญ่ ขำดี แต่เพื่อนบางคนขี้กลัวก็แอบอ่านเอา ถ้าคนเขียนใช้นามแฝงก็จะมีการเดาการทายกันว่าใครเขียน คล้ายๆ มีหน่วยไล่ล่าหาตัวกันเป็นอาทิตย์ สร้างบรรยากาศครึกครื้นแบบมีสาระค่ะ หนูกับเพื่อนรู้จักWeb ของอาจารย์จากรุ่นพี่ๆ คุยกันว่าอยากรู้อยากปรึกษาอะไรเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย เขียนมาถามอาจารย์ดีกว่า อบอุ่นดี ขืนไปถามพวกผู้บริหารตรงๆ เดี๋ยวถูกหาว่ารู้มาก หัวแข็ง นานๆ เขาจัดประชุมที มีเรื่องอยากรู้สงสัยรายละเอียดก็ไม่มีใครกล้าถาม จริงๆ เขาอาจไม่มีอะไรก็ได้ แต่เงียบๆ ดีกว่า ผู้ใหญ่บางคนบอกเรื่องภายในไม่ควรนำไปเขียน แต่หนูไม่คิดอย่างนั้น ผู้บริหารต้องยอมรับฟังเสียงสะท้อน แต่คนเขียนต้องซื่อสัตย์และเขียนความจริง อย่าไปทำให้ใครเสียหาย อาจารย์ว่าไหมคะ
4. หนูอยากเรียนเชิญในโอกาสที่อาจารย์มีเวลาพอ มาเยี่ยมชมคณะต่างๆ บ้าง(ไม่ต้องบอกผู้บริหารนะคะ) เพราะอาจารย์มีภารกิจสำคัญเยอะมาก มีเวลาน้อย มาประชุมสภาที่มหาวิทยาลัยที ผู้บริหารก็คงรายงานแต่ผลงานสวยๆ เช่น ผลการประเมินของ สมศ. เป็นต้น จริงๆ มหาวิทยาลัยของเราก็มีดี แต่บางอย่างขาดความใส่ใจหรือขาดแผนพัฒนาที่จริงจัง ตัวชี้วัดของมหาวิทยาลัยเน้นที่ศิลปวัฒนธรรม แต่ตัวอย่างบางหลักสูตรที่น่าจะเกี่ยวข้องกับด้านศิลปวัฒนธรรมนี่ ห้องปฏิบัติการของหลักสูตรจะต้องรีบปรับปรุงขนานใหญ่ เช่น ดนตรียังคงใช้ ชั้น 2 ของโรงยิมฝึกปฏิบัติ ศิลปกรรมก็ใช้อาคารกิจกรรมนักศึกษาเก่าๆ สภาพพร้อมรื้อ นาฏศิลป์ก็ไม่มีห้องปฏิบัติการเฉพาะที่เหมาะสม แม้เขาได้อาคารใหม่ แต่สภาพห้องไม่เหมาะสม ไม่ได้ออกแบบมาเพื่องานดังกล่าวเลย ทั้งๆ ที่ คณะนี้ต้องเร่งส่งเสริมให้เร็วที่สุดค่ะ ปีนี้คณบดีคณะนี้เขาเกษียณอายุราชการพอดี แต่ได้อยู่ต่อตามกฎระเบียบ ท่านเหมือนคุณป้าใจดี แต่ชาวคณะส่วนใหญ่อยากให้ท่านพักได้แล้วหละ เพราะท่านทำงานมานานแล้ว ท่านชอบเดินทางไกลๆ เช่น ไปต่างประเทศ อยากให้ท่านใช้เวลาทำในสิ่งที่ท่านชอบมากกว่า และน้องๆ จะได้แสดงฝีมือบ้าง ข้อนี้เป็นข้อมูลให้อาจารย์เห็นภาพจากด้านล่างบ้างค่ะ.
ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่กรุณารับฟังค่ะ
ตัวน้อยมองไกล |