ขอเรียนถามท่านอาจารย์มีชัย

อาจารย์ชายของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง (มีภรรยาและลูกสาวแล้ว) พยายามพานักศึกษาหญิงภาค่ำซึ่งมีสามีแล้วเข้าโรงแรม และถูกลงโทษตัดเงินเดือนห้าเปอร์เซ็นต์สามเดือน เมื่อปี 2545

ต่อมามี พรบ ล้างมลทิน ซึ่งมีคำกล่าวว่า พรบ นี้ ล้างโทษ ไม่ล้างการกระทำผิด

ต่อมา อาจารย์ชายท่านนี้ ไป สมัครเป็นคณบดีคณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งนั้น ซึ่ง คนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็สงสัยใน 2 ประเด็นว่า 

1. ไม่ขาดคุณสมบัติ ที่ว่า "มีคุณธรรม และจริยธรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม"

2. ขาดคุณสมบัติ ที่ว่า 'มีคุณธรรม และจริยธรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม"

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้บริหารในช่วงเวลาที่อาจารย์ชายท่านนี้สมัครเป็นคณบดีไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ  คนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จึงสงสัยในข้อที่สองนี้ต่อไปว่า การไม่ตรวจสอบคุณสมบัติ เป็นความผิดของผู้บริหารที่ดูแลการสมัครรับเลือกตั้งคณบดีในคราวนั้น หรือไม่

และสภามหาวิทยาลัยที่แต่งตั้งอาจารย์ชายท่านนี้ โดยไม่ทราบข้อมูลมาก่อน มีความผิดหรือไม่

ปัจจุบัน อาจารย์ชายท่านนี้ ก็ดำรงตำแหน่งคณบดีอยู่จนเกือบจะครบวาระ 4 ปีแล้ว (ขณะนี้กำลังดำรงตำแหน่งอยู่)

คำถามต่อไปคือว่า เนื่องจากอาจารย์ชายท่านนี้เป็นผู้มีโวหาร อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ เข้มงวดดุดันเป็นนักเลงกับอาจารย์ลูกน้องและเจ้าหน้าที่ คนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงเกรงกลัว แต่ก็ยังสงสัยและอยากจะเรียนถามท่านว่า

ถ้าหมดสมัยคณบดี 4 ปีแล้ว จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นคณบดีต่ออีก 4 ปี จะผ่านในแง่คุณสมบัติ ว่ายังคงเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม เพราะว่า ได้รับการล้างมลทินแล้ว หรือไม่

แล้วถ้าหากเราเป็นอธิการบดี และจะแต่งตั้งเขาเป็นรองอธิการบดี จะผิด พรบ ของมหาวิทยาลัยหรือไม่

ขอความกรุณาให้ความกระจ่าง แก่ข้อสงสัยเหล่านี้ด้วย เนื่องจากสถาบันการศึกษา พวกเราจึงสงสัยเรื่องคุณธรรมจริยธรรมกันอย่างมาก

อาจารย์มหาวิทยาลัย

- อันที่จริงความผิดที่เล่าม านั้น ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นความผิดวินัยและจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง และเมื่อเป็นความผิดอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ได้รับการล้างมลทิน เพราะการล้างมลทินนั้นเป็นการล้างโทษให้ ไม่ได้ล้างความผิด  ว่าแต่ว่าทำไมถึงเพิ่งจะมารังเกียจกันเอาตอนนี้ล่ะ

-นั่นน่ะซีนะ ถ้าคุณเป็นอธิการบดีแล้วคุณจะตั้งเขาเป็นรองอธิการบดีหรือ