ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    041801 หลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงิน กรณีซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินผ่านระบบ E-Ticketนิดาพรรณ สุรีรัตนันท์6 กันยายน 2553

    คำถาม
    หลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเงิน กรณีซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินผ่านระบบ E-Ticket

    เรียน ท่านอาจารย์มีชัย

    ดิฉันเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ประจำ ได้รับการตอบรับให้ไปนำเสนอผลงานวิจัยในที่ประชุมสัมมนา ณ เมืองปีนัง จึงได้ขออนุมัติตัวบุคคลและค่าใช้จ่ายจากต้นสังกัด ได้รับการอนุมัติตัวบุคคลวันที่ 6/10/52 วันที่ 7/10/52 จึงได้สำรองตั๋วเครื่องบินผ่านระบบ E-Ticket พร้อมชำระด้วยบัตรเครดิตออนไลน์ และได้รับ Confirmation Email พร้อมไฟล์แนบเอกสารประกอบด้วย Travel Itinerary และ Invoice จากสายการบิน ซึ่งระบุรายละเอียดยืนยันการสำรองที่นั่ง มีรายละเอียดการเดินทาง รายการค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม ฯลฯ พร้อมระบุการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว (Paid) ในเอกสารดังกล่าว มหาวิทยาลัยให้กรอกใบยืมเงินทดรองจ่ายเมื่อวันที่ 5/11/52 (ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ฯลฯ) และดิฉันได้ลงนามรับเงินวันที่ 17/11/52 ดิฉันเดินทางไป 20/11/52 กลับ 22/11/52 ต่อมาวันที่ 24/11/52 ได้นำส่งรายงานการเดินทางพร้อมเอกสารประกอบการเบิกจ่าย โดยในส่วนค่าโดยสารเครื่องบินก็ได้ใช้ Confirmation Email พร้อม Travel Itinerary และ Invoice ซึ่งเป็นหลักฐานเดียวที่ได้รับเมื่อเสร็จสิ้นการสำรองที่นั่งด้วยระบบ E-Ticket ต่อมา 8/1/53 ได้รับแจ้งจากหัวหน้างานคลังและพัสดุของคณะที่สังกัดว่าต้องนำส่งใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตที่มีรายการค่าตั๋วเครื่องบินจึงจะเบิกจ่ายได้ 14/1/53 คณบดีฯได้ทำหนังสือหารือไปยังกองคลัง สำนักงานอธิการบดี เรื่องหลักฐานเบิกจ่ายและระเบียบที่อ้างถึงหลักฐานเบิกจ่ายกรณี E-Ticket 6/5/53 ผอ.กองคลังตอบมาโดยไม่มีการอ้างอิงระเบียบใดๆ โดยตอบเพียงว่าหลักเกณฑ์การชำระด้วยบัตรเครดิตส่วนตัวต้องมีเอกสารเรียกเก็บเงินจากธนาคารพร้อมเอกสารชำระเงินแล้วและต้องไม่ลบข้อมูลของผู้ใช้บัตรด้วย แต่เอกสารฉบับนี้เดินทางนานกว่าจะมาถึงดิฉันก็หลังจาก 17/5/53 ดิฉันสืบค้นข้อมูลระเบียบกระทรวงการคลังและระเบียบปฏิบัติของมหาวิทยาลัยอื่นพบว่ามีระเบียบเรื่อง E-Ticket มาตั้งแต่ปี 2550 โดยระบุไว้ด้วยว่า "เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติ" และให้ใช้ Itinerary Receipt เป็นหลักฐาน ดิฉันเห็นว่าชื่อเรียกต่างกัน จึงดูสาระที่ขยายความคำว่า Itinerary Receipt ก็พบว่าตรงกับรายละเอียดใน Travel Itinerary+Invoice (บางมหาวิทยาลัยอนุโลมให้ใช้แค่ตราประทับเดินทางในหนังสือเดินทางเป็นหลักฐานเบิกจ่ายได้โดยไม่ต้องมีเอกสารอื่นใดอีก) วันที่ 26/5/53 ดิฉันจึงตอบกลับไปว่าเอกสาร Travel Itinerary+Invoice+Confirmation Email เป็นหลักฐานตอบกลับจากสายการบินและเป็นเอกสารเดียว (หากไม่นับรวม Boarding Pass) ที่ใช้ติดต่อสายการบินตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับ 2/8/53 ดิฉันได้รับบันทึกข้อความจากหัวหน้างานการเงิน กองคลัง ให้ส่งใช้เงินยืม (ทวงครั้งที่ 1) ภายใน 11/8/53 โดยระบุว่าหากมีเหตุขัดข้องให้ชี้แจงลงในท้ายบันทึก ซึ่งดิฉันก็ได้ชี้แจงไปว่าดำเนินการไปตามขั้นตอนแล้วอย่างไรบ้าง ปรากฏว่า 23/8/53 มีบันทึกของผอ.กองคลังส่งถึงอธิการบดีแจ้งว่าดิฉันไม่มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ทั้งยังระบุอีกว่า ผู้เดินทางได้ทำการยืมเงินทดรองจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงควรใช้เงินที่มหาวิทยาลัยอนุมัติให้ยืมไปเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่ผู้เดินทางไม่นำเงินดังกล่าวไปชำระเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการอนุมัติยืมเงินทดรองจ่าย การใช้บัตรเครดิตไปซื้อตั๋วต้องแนบใบเรียกเก็บจากธนาคารที่ชำระเงินแล้วแทนใบเสร็จรับเงินตามระเบียบมหาวิทยาลัยซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติของบุคลากรทุกคนของมหาวิทยาลัยที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน และอธิการลงนามและบันทึกแนบท้ายมาว่าให้คณบดีฯ ให้บุคลากรของคณะฯ หมายถึงผู้เดินทาง ให้ปฏิบัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยฯ ดิฉันได้รับทราบบันทึกนี้ในวันที่ 2/9/53 ดิฉันได้สืบค้นและดาวน์โหลดเอกสารคู่มือของสายการบินนี้ที่ระบุไว้ในขั้นตอนที่ 12 ของการดำเนินการผ่านระบบ E-Ticket ระบุว่าเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นผู้ดำเนินการจะได้รับ Confirmation Email พร้อม Travel Itinerary และ Invoice ซึ่งถือเป็น Itinerary Receipt อีกทั้งดิฉันก็ตรวจสอบข้อมูลสายการบินอื่น ได้พบข้อมูลบนเว็บของ Ryan Air ก็มีลูกค้าถามถึง Receipt ของการซื้อตั๋วออนไลน์ ซึ่งบริษัทก็ตอบว่า "Your Travel Itinerary or Emal Confirmation is also your receipt of purchase" ดิฉันจึงได้มีบันทึกคัดค้านไปเมื่อ 3/9/53 ว่า (1) วันที่ดำเนินการสำรองและตัดชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์คือ 7/10/52 เงินยืมได้รับ 17/11/52 และเงินยืมมิได้มีเฉพาะค่าเครื่องบินแต่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆและค่าที่พักด้วย ดังนั้นการระบุความผิดทำนองว่าได้รับเงินยืมไปแล้ว (เป็นเงินสด) แต่ไปชำระด้วยบัตรเครดิตเป็นการกระทำผิดวัตถุประสงค์จึงเป็นการระบุความผิดที่ไม่เป็นธรรม (2) ยืนยันว่าเอกสาร Travel Itinerary+Invoice+Confirmation Email นั้นถือเป็น Itinerary Receipt หรือใบรับเงินตามระเบียบเบิกจ่ายของกระทรวงการคลัง กรณี E-Ticket แล้ว (3) เมื่อดิฉันไม่ได้กระทำผิดตมระบุ และเมื่อเอกสารหลักฐานประกอบการเบิจ่ายที่นำส่งเป็นไปตามระเบียบเบิกจ่ายแล้ว จึงขอให้อธิการบดีทบทวนคำวินิจฉัยฯ เนื่องจากดิฉันมิได้ละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติตามระเบียบราชการใดๆ

    ขอรบกวนถามท่านอาจารย์ว่า

    1. ดิฉันเข้าใจคลาดเคลื่อน/ถูกต้องประการใด

    2. ดิฉันควรดำเนินการอย่างไรต่อไปหากผู้มีอำนาจไม่ทบทวนแก้ไขคำวินิจฉัยและยังคงบังคับให้ดิฉันจำยอมต้องไปขอ Statement ย้อนหลังจากธนาคาร (การไปขอนั้นไม่ได้เหลือวิสัย แต่ดิฉันเห็นว่าข้าราชการและหน่วยราชการควรปฏิบัติตามครรลองแห่งระเบียบ/หลักการโดยชอบธรรม มิใช่ตามอำเภอใจ หากจะมีระเบียบย่อยเพิ่มเติมเป็นการภายในก็ควรเป็นไปตามเจตนารมณ์ของระเบียบที่ครอบคลุมอยู่ ซึ่งกรณีนี้มีระเบียบกระทรวงการคลังเรื่อง E-Ticket มาเป็นการเฉพาะตั้งแต่ 2550 เพื่อให้ปฏิบัติได้โดยคล่องตัวและเหมาะสมกับสภาพการณ์ เช่น มหาวิทยาลัยบางแห่งที่มีการกำหนดเพิ่มเติมภายในอนุโลมให้ใช้เพียงตราประทับในหนังสือเดินทางว่าเดินทางไปและกลับจริง)

    3. ดิฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้ยังคงยืดเยื้อต่อไปอีก แต่ขั้นตอนการทวงเงินก็ยังคงต้องเป็นไปตามระยะเวลา ในส่วนนี้ หากมีการทวงให้จ่ายเงินในขณะที่เรื่องโต้แย้งยังไม่ยุติ ดิฉันจะต้องปฏิบัติอย่างไร ต้องชำระไปก่อนเพื่อไม่ให้ผิดระเบียบส่งคืนเงินยืมหรือไม่

    ขอความอนุเคราะห์ให้คำแนะนำและให้ความกระจ่างในกรณีนี้ด้วยค่ะ ขอขอบคุณมากค่ะ

     

    ขอแสดงความนับถือ

    -- นิดาพรรณ ค่ะ --

    คำตอบ

    1.  ถ้าระเบียบของมหาวิทยาลัยมีอย่างที่คุณเล่ามา คุณก็ไม่น่าจะผิด แต่ข้อสำคัญควรดูระเบียบหลักและระเบียบย่อยเสียให้รอบคอบ

    2. ก็ต้องเอาระเบียบยืนยันให้อธิการบดีทราบ ถ้ายังยืนยันก็ควรอุทธรณ์ต่อสภามหาวิทยาลัย

    3. ไม่ทราบว่าระเบียบว่าด้วยการยืมเงินของมหาวิทยาลัยของคุณมีว่าอย่างไร จึงตอบไม่ได้


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    6 กันยายน 2553