ผมทำงานอยู่่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจาก มช. เป็นม.ในกำกับเมื่อปี 2551 ผมก็สมัครออกนอกระบบราชการ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้รับเงินจากรัฐบาลเพื่อเป็นเงินเพิ่มให้แก่ผู้ออกนอกระบบ จำนวน 1.4 หรือพูดง่ายๆ เงินเดือนขึ้นอีก ร้่อยละ 40 โดยรัฐให้มาร้อยละ 60 อีกร้อยละ 20 มช.อ้างว่าจะเข้ากองทุนพนักงาน และจะจัดให้เป็นสวัสดิการพนักงาน มาณ วันนี้ พวกเราที่ออกนอกระบบไม่เห็นความคืบหน้าในการบริหารกองทุนดังกล่าวเลย ไม่มีแม้แต่ การตั้งกองทุนอะไรขึ้นมา ทั้งๆที่เงินที่รัฐบาลจ่ายให้มช. เข้ามาแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 53 จำนวน 100 กว่าล้าน และ เดือนต.ค. 54 อีกจำนวน 200 กว่าล้าน รวมแล้ว ณ วันนี้ พวกเราทราบว่า เงินมีในมช. แล้ว 430 ล้าน พวกเราไม่สบายใจ อึดอัดใจ และหมดที่พึ่ง และรู้สึกว่า ผู้บริหารไม่มีผลการบริหารเลย ไม่มีความโปร่งใส และไม่มีธรรมาภิบาล ไม่มีการแจ้งความคืบหน้าให้แก่ผู้ออกนอกระบบทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด พนักงานบางท่านออกนอกระบบและเกษียณไปแล้ว ก็ยังหวังที่จะได้เงินคืนมาบ้าง แต่ว่ามช. ก็มิได้จ่ายให้ผู้ที่เกษียณออกไปแล้วแต่อย่างใด
คำถาม มีดังนี้
1. พนักงานรวมตัวฟ้องศาลปกครองหรือผู้ตรวจการแผ่นดินได้หรือไม่ และวิธีการควรทำอย่างไร
2. ผู้ที่ออกนอกระบบเมื่อปี 51 และทยอยเกษียณแล้วตั้งแต่ ตค 51 - 54 มีสิทธิ์เรียกร้องเอาเงินเพิ่มที่มช.ไม่ได้บริหารเงินแต่อย่างใดหรือไม่ ตามความเป็นจริงน่าจะจ่ายคืนเมื่อเขาออกงานหรือเกษียณราชการ เนื่องจากไม่มีผลการบริหารเงินก้อนนี้ จึงควรคืนให้เขาไปเสีย
3. การแช่เงินไว้ในบัญชี จำนวน 430 ล้าน นั้น ย่อมมีดอกผลออกมาจำนวนมาก ขอความเห็นว่าพวกเราในฐานะพนักงานที่ไม่มีอำนาจ ควรทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในองค์กร
กราบขอบคุณอาจารย์มากครับ
1. การฟ้องเป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่จะทำได้ แต่เมื่อฟ้องแล้วจะได้ผลอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าเงินที่รัฐบาลจ่ายมาให้นั้นเป็นการจ่ายแบบเหมาจ่าย โดยให้เป็นอำนาจของมหาวิทยาลัยที่จะไปจ้างพนักงานในอัตราเท่าไร ซึ่งดูเหมือนมหาวิทยาลัยจะได้ทำสัญญาจ้างกับพนักงานแต่ละคนโดยระบุอัตราเงินค่าจ้างไว้ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่จะน้อยกว่าวงเงินที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณที่รัฐบาลให้มา เพราะมหาวิทยาลัยจะต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้ในการให้สวัสดิการต่าง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับพนักงานจึงเป็นไปตามสัญญาจ้าง ส่วนเงินที่มหาวิทยาลัยกันไว้นั้น มหาวิทยาลัยก็ต้องดำเนินการไปใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการ เช่น การจัดให้มีการประกันสังคม ซึ่งมหาวิทยาลัยจะต้องสมทบส่วนหนึ่ง หรือการจัดให้พนักงานเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งมหาวิทยาลัยก็ต้องจ่ายสมทบอีกส่วนหนึ่งด้วย รวมทั้งสวัสดิการอื่น ๆ ที่จะจัดให้ (ถ้ามีเงินเหลือเพียงพอที่จะดำเนินการ) ตามนโยบายและวิธีการของผู้บริหาร
2. เงินนั้นเป็นของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เงินของพนักงาน จึงไม่น่าจะมีสิทธิไปเรียกเอาได้
3. ถ้าเห็นว่ามีเงินมากเพียงพอที่จะจัดสวัสดิการอื่นให้ได้ ก็ควรเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารจัดขึ้น