เงินวางมัดจำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน
ด้วยมีที่ดิน(เดิมเป็นสวนมีบ้าน แต่ปัจจุบันปิดไว้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ต้นไม้ปกคลุม) จำนวน ประมาณ 4 ไร่ มีทางรถยนต์ปูนหินกรวด
เดิม คุณพ่อ ครอบครัว และเพื่อนบ้านมาช่วยทำถนนทางรถยนต์กรวนดิน มาประมาณ 30 ปี ใช้อยู่โดยตลอด โดยเจ้าของที่ทางรถยนต์ผ่านได้สัญญาว่าจะขีดเส้นภาระจำยอมตลอดแนวทุกแปลงที่ถนนผ่าน และที่คุณพ่อก็ได้ขีดภาระจำยอมแล้ว รถยนต์วิ่งผ่านตลอดมา
ต่อมา คุณพ่อเสีย คุณแม่-ลูกๆ ได้ตกลงจะขายที่ดินดังกล่าว มีคนสนใจจะซื้ออยู่ 2 ราย ในระหว่าเจรจา แจ้งว่าใครวางมัดจำก่อนก็จะให้สิทธิ รายหนึ่งก็นำเงินมาวางมัดจำ จำนวน สองแสนบาท ขอเวลาประมาณ 4 เดือนจะโอน (2 พ.ย.55-28 กพ.56) ก่อนจะขายที่ผู้จะซื้อได้ขอสำเนาโฉนดที่ดินไปประมาณ 2 เดือนก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งมีตัวจริงอยู่ที่บ้าน ก่อนครบสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้จะซื้อจะขาย แจ้งว่าเป็นที่ดินตาบอด กู้ธนาคารไม่ผ่าน โดยจริงถนนรถยนต์วิ่งได้ สวนได้ มาประมาณมากกว่า 30 ปี แล้ว หลังจากนั้นไม่ติดต่อมา จนถึงเดือน เม.ย.56 (ซึ่งครบกำหนดสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว) มารบเร้าขอเงินมัดจำคืนทั้งจำนวน
คำถาม 1 ) จะต้องคืนเงินมัดจำหรือไม่ ทั้งที่ คุณแม่- ลูกๆ และผู้อาศัยในบริเวณดังกล่าว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า มีเจ้าของที่ดิoแปลงหนึ่งที่ติดกับแปลงที่จะขายไม่ยอมขีดเส้นภาระจำยอมในโฉนดที่ดินของเค้า ตามที่เคยบอกไว้เมื่อ 30 ปี ที่แล้ว
2) เรามีสิทธิที่จะบังคับให้เจ้าของที่ดินดังกล่าวไปขีดเส้นภาระจำยอมได้หรือไม่ แต่ถนนก็ยังใช้ประโยชน์ได้เช่นเดิม
3) ผู้จะซื้อ(เป็นสมาชิกเทศบาลฯ) ได้ข่มขู่คุณแม่ให้คืนเงินมัดจำ ไม่งั้นจะทำร้าย แต่หลายคนบอกว่าไม่ต้องคืน เพราะเราไม่เคยรู้เลยเรื่องขีดเส้นภาระจำยอมของแปลงข้างเคียง แต่โฉนดที่ดินของเราขีดเส้นถนนภาระจำยอมแล้ว และเจ้าของที่ดินแปลงข้างดังกล่าวก็บอกว่าจะไม่ปิดทาง
4) คุณแม่ และลูกๆ คิดว่าจะคืนเงินให้ เนื่องจากสงสารคุณแม่ที่โดนรบร้าว จากนายหน้า เป็นประจำ จำนวนครึ่งหนึ่ง ถือว่าเราเสียโอกาสขายที่ดินรายอื่น และการขีดเส้นภาระจำยอมของที่ดินแปลงข้างๆ เราไม่เคยรู้มาก่อน ที่ดินก็มีถนนรถยนต์ผ่านได้ เรื่องควรจบหรือไม่ และควรทำหลักฐานลายลักษณ์อักษรอย่างไรดี
|