จากที่เคยสอบถามอาจารย์ สามีเป็นข้าราชการย้ายที่ทำงานแล้วไปอยู่กินกับหญิงอื่นโดยย้ายไปอยู่ด้วยกัน ส่วนดิฉันและบุตรอยู่บ้านพักราชการ ปัจจุบันกับหญิงคนแรกมีบุตรด้วยกัน 1 คน ก่อนทำการทิ้งหญิงคนแรกไปมีหญิงคนที่สอง แล้วทำเรื่องฟ้องหย่าดิฉันว่าสมัครใจแยกกันอยู่ รวมทั้งยกเลิกบ้านพักราชการ แต่ทางผู้บังคับบัญชาของสามีอนุญาติให้ดิฉันและบุตรอยู่บ้านพักต่อได้ตามสิทธิส่วนเรื่องคดี ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายดิฉันซึ่งเป็นจำเลยชนะ และดิฉันมีหลักฐานของหญิงคนที่สองเข้าห้องพักส่วนตัวสามีดิฉันหลายครั้ง รวมทั้งภาพถ่ายการไปเที่ยวที่ต่างๆของทั้งคู่ ของหญิงคนที่สอง ( ทั้งที่ฝ่ายหญิงเคยทำหนังสือต่อหน้าผู้บังคับบัญชาของฝ่ายหญิงว่าจะเลิกข้องเกี่ยวฉันท์ชู้สาว หากไม่เลิกให้ฟ้องชู้ได้ )จึงทำการฟ้องชู้ ซึ่งเรื่องยังไม่ถึงวันนัดสืบพยาน สามีได้ทำการอุธทรณ์ ดิฉันมีข้อสงสัยดังนี้
1.การทำเรื่องอุทธรณ์นั้น จำต้องเป็นเรื่องเดิมคือสมัครใจแยกกันอยู่หรือไม่
2. ดิฉันมีหลักฐานการไปเที่ยวและภาพสนิทสนมส่วนตัวของสามีและหญิงคนนี้ รวมทั้งมีภาพของทนายความศาลชั้นต้นของสามีในรูปนั้นด้วย เป็นประโยชน์ในศาลชั้นอุทธรณ์หรือไม่
3. ในศาลชั้นต้น สามีใช้พยานเท็จโดยให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักให้การ หากต้องไล่เรียงกัน ทราบว่าเป็นการให้การเท็จ หรือสร้างพยาน คนเหล่านั้นมีความผิดหรือไม่
4. ดิฉันผิดหวังเพราะทั้งสามีและหญิงใหม่จบโทกฏหมายทั้งคู่ แต่ชอบทำผิดเสียเอง หากพิพากษาว่าเป็นชู้ การสอบตั๋วทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมนี้ หรือไม่ค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
คุณแม่ลูกสอง
1. การอุทธรณ์ต้องอุทธรณ์ในเรื่องเดิมและประเด็นเดิม
2. ในชั้นอุทธรณ์เสนอพยานหลักฐานใหม่ไม่ได้
3. ถ้าจับได้ว่าเขาให้การเท็จ ก็มีความผิด
4. ให้ความสำคัญ อาจตกอยู่ในข่ายบกพร่องในศีลธรรมอันดี