รบกวนปรึกษาค่ะ
เรียนท่านอาจารย์มีชัย
หนูเคยส่งทั้งคำถามมาถามอาจารย์ และส่งเมลล์มาปรึกษาก้อหลายครั้ง ได้รับทั้งความรู้และคำแนะนำจากอาจายร์เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ต้องขอขอบพระคุณมากเลยค่ะ วันนี้หนูมีเรื่องมาปรึกษาอีกแล้ว หนูคิดว่าอาจารย์คงจำไม่ได้เรพาะวันนึงตอบคำถามเยอะมาก ว่าเรื่องนี้หนูเคยปรึกษามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นปัญหามันยังไม่ร้ายแรงอย่างตอนนี้ค่ะ
คือ คราวก่อนที่หนูปรึกษาว่ามีผู้หญิงคนนึงเป็นเมียน้อยคนญี่ปุ่น แต่เพิ่งเลิกกับคนญี่ปุ่นและมีลูกติด1คน ชอบโทรมาหาสามีหนู รวมทั้งส่งข้อความเป็นทำนองว่าคิดถึงมาหาอยู่เสมอๆ อาจารย์แนะนำหนูว่า ให้หนูคุยกะสามีดีๆว่าหนูรู้สึกอย่างงัย อย่าไปหาเรื่องเพราะเดี๋ยวจะยิ่งเป็นการผลักเค้าไปทางนั้น หนูก้อทำตามค่ะ แต่ปัญหามันยังไม่จบค่ะ เพราะช่วงที่หนูลาคลอดเมื่อกลางปีที่แล้ว(ตอนนี้ลูกหนูได้ขวบนิดๆแล้วค่ะ) เค้าจะโทรหาสามีหนูช่วงเช้าเกือบทุกวัน แต่พอหนูกลับมาทำงานหลังจากลาครบกำหนด ผู้หญิงคนนี้ก้อเปลี่ยนมาโทรหาช่วงกลางวันแทน คือหนูกับสามีทำงานที่เดียวกันค่ะ เพราะฉะนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันเกือบ24ชม. เรื่องความผิดปกตินิดหน่อยๆ หรือเรื่องโทรศัพท์ หนูก้อเคยคุยกับสามี4-5ครั้ง แต่สามีก้อปฏิบัติเสธว่าไม่มีอะไร นานๆเค้าโทรมาที เวลามีปัญหาแค่นั้น แต่หนูรู้ว่าเค้าโกหก เพราะคำว่านานๆโทรมาทีเนี่ยคือ อย่างน้อย อาทิตย์ละ1ครั้งค่ะ แต่ล่าสุดหนูมาจับได้ว่า เค้ามีลูกด้วยกันค่ะ ลูกเค้าอายุ3เดือนแล้ว ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าท้องกับสามีคนอื่น ที่น่าเจ็บใจคือผู้หญิงคนนี้ก้อรู้จักกับหนูเป็นอย่างดี เราต่างมีคนรู้จักเป็นเพื่อนของกันและกันด้วย เพราะเค้าเคยทำงานที่ทำงานที่หนูอยู่ปัจจุบันค่ะ หนูเรียกสามีมาคุยดีๆอย่างชนิดที่คนที่บ้านและเพื่อนหนูที่รู้เรื่องนี้ตกใจมาก ว่าทำไมหนูไม่ด่าสามีเลย คุยกับเค้าดีมาก เพราะหนูคิดว่าถึงแม้ว่าหน้าที่ความเป็นสามี-ภรรยาต้องจบ แต่หน้าที่พ่อแม่ที่เรามีต่อลูกยังคงอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดแล้ว มานั่งทะเลาะกันไม่มีประโยชน์ มาคุยกันดีๆอย่างมีเหตุผลดีกว่า คือหนูคิดแบบนั้นจริงๆค่ะ สุดท้าย สามีก้อยอมรับ แต่บอกหนูว่าไม่แน่ใจว่าเด็กเป็นลูกสามีจริงหรือเปล่า เพราะครั้งเดียวไม่น่าท้อง อาจารย์ดูเค้าพูดสิคะ จะกี่ครั้งมันก้อท้องได้ทั้งนั้นถ้าไม่ป้องกัน แล้วครั้งเดียวจริงหรือเปล่าหนูก้อไม่รู้ แล้วขนาดไม่แน่ใจว่าลูกตัวเองจริงหรือเปล่า ยังไปใส่ชื่อตัวเองเป็นพ่อแล้วค่ะ มันก้อต้องลูกตัวเองสิไม่งั้นก้อต้องหาทางพิสูจน์แล้วถูกมั้ยคะ หนูถามเค้าว่าเค้าจะจัดการยังงัย เค้าบอกหนูว่า ถ้าจะขอส่งเดือนละ5พัน และไปเยี่ยม1-2เดือนครั้ง โดยที่หนูจะไปกับเขาก้อได้ คือเค้าพยายามแสดงให้เห็นว่ากับผู้หญิงคนนั้นเค้าพลาดไปจริงๆ แค่ครั้งเดียว แต่จำเป็นต้องรับผิดชอบเด็ก หนูก้อเลยบอกเค้าว่าหนูรับชีวิตแบบ2ครอบครัวไม่ได้สำหรับข้อเสนอนี้ หนูขอเลิก แต่เค้าไม่ยอม หนูเลยให้เวลาเค้าไปทบทวนใหม่ แล้วเราก้อมานั่งคุยกันอีกครั้งเมื่อวานซืน หลังจากที่คุยครั้งแรกไป1อาทิตย์ เค้าเล่าว่า เหตุมันเกิดเพราะ วันนั้น เค้าไปเยี่ยมยายโดยที่หนูไม่ได้ไปด้วย เพราะลูกยังเล็กมาก ลูกน่าจะประมาณเดือนเดียวเอง แล้วขากลับผู้หญิงโทรมา เค้าเลยเข้าไปหาที่บ้าน แล้วมีดื่มกันนิดหน่อย ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามากอด แล้วเค้าก้อไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ทำไปโดยไม่ป้องกัน เพราะเห็นผู้หญิงอายุเยอะ(40แล้ว สามีหนู39 ส่วนหนู32)แล้วคงคุมหรือทำหมันไปแล้ว แถมหลังจากนั้นถ้าจะป้องกันจริง ยาคุมฉุกเฉินก้อมี แต่ผูหญิงก้อไม่ใช้ หนูมั่นใจว่าผู้หญิงจงใจจะท้องกับสามีหนูค่ะ เพราะพฤติกรรมเธอเชิญชวนมาตลอด แต่โทษผู้หญิงฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษสามีหนูด้วยที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ มักง่าย คราวนี้หนูเลยถามเค้าอีกว่าตกลงจะเอายังงัย(คุยดีเหมือนเดิมค่ะ) เค้าบอกว่าเอายังงัยก้อได้ที่ไม่หย่า เค้ายอมทุกอย่าง ทั้งๆที่หนูบอกให้เค้าไปอยู่กับทางโน้น เค้าบอกว่าตอนที่ทางโน้นโทรมาบอกว่าท้อง เค้าก้อบอกไปแล้วว่ารักหนูจะไม่เลิกกับหนู สามีเค้าบอกว่าขอรับผิดชอบเด็กในส่วนที่หนูยอมรับได้ หมายถึงหนูอนุญาตแค่ไหน ก้อแค่นั้น
แต่หนูบอกเค้าว่าหนูขอหย่า เพราะหนูรับไม่ได้ หนูให้โอกาสเค้าพูดความจริงมาหลายครั้ง แต่เค้ายังดันทุรังโกหก ซึ่งเค้าก้อยอมรับว่าไม่กล้าบอก พอโกหกครั้งนึงแล้ว ก้อต้องโกหกต่อไป เค้าขอร้องหนู เพราะเค้าพูดแต่ว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตเค้าเลย(ปกติเค้าไม่เที่ยวผู้หญิงด้วยนะคะ เรื่องนี้หนูพิสูจน์ได้) จะให้เค้าทำอะไรก้อได้ เค้ายอมทุกอย่าง แต่ไม่หย่า หนูเลยบอกเค้าว่า ขอคิดดูก่อน แต่หนูก้อบอกเค้าว่า ถ้าหนูยังยืนยันคำเดิม ก้อหวังว่าเค้าจะยอมหย่าโดยดี หรือถ้าหนูยอมให้เค้าอยู่ด้วยต่อไป เค้าต้องได้รับบทเรียน และต้องอยู่อย่างมีเงื่อนไข
ตอนแรกหนูมาคิดดูว่าเห็นเค้ายอมรับผิดขนาดนี้ ถึงขนาดเค้าไม่เคยร้องไห้ ก้อร้องไห้หนักมากหลังจากคุยกันเสร็จ หนูเสียอีกที่ไม่ร้องเลย ต้องเป็นฝ่ายปลอบเค้าด้วยซ้ำ หนูเลยคิดจะให้โอกาสเค้า โดยที่จะไปหย่า โดยให้สลักหลังใบหย่ายกทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อหนู พร้อมระบุเงินค่าเลี้ยงดูบุตรไว้ด้วย แล้วเราจะหย่ากันแต่ในนาม แล้วอาจจะจดทะเบียนใหม่ทีหลัง โดยยังอยู่ด้วยกันต่อไป แล้วเงินปกติเค้าให้หนูคุมอยู่แล้ว ก้อคุมให้เข้มขึ้น แล้วก้อส่งเงินให้เด็กเป็นรายเดือนไป พร้อมทั้งมีเงื่อนไขในการไปเยี่ยม แต่พอหนูมาคิดไปคิดมา ทำไมชีวิตหนูต้องมาทำอะไรแบบนี้ หนูอยากอยู่แบบปกติเหมือนคนอื่น อยู่อย่างมีความสุข ไม่ใช่ต้องมาคอยเฝ้า คอยตามคุม หรือระแวงกันตลอดเวลา
ถ้าเค้าแค่ไปมีอะไรกันเฉยๆโดยไม่มีเด็ก หนูคงพออภัยได้และให้บทเรียนแก่เค้าบ้างแค่นั้น แต่นี่มีเด็กมาเป็นเงื่อนไขสำคัญ ถ้าเป็นลูกเค้าจริง หนูก้อไม่ใจร้ายพอที่จะกีดกัน และเค้าก้อยังต้องติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นเพราะเด็กอยู่ดี แล้วหนูจะมีความสุขได้ยังงัย ในเมื่อเรารู้อยู่ว่าผู้หญิงหาโอกาสมาตลอด
หนูเลยคิดว่าจะไม่ตั้งเงื่อนไขกับเค้า จะขอหย่ากับเค้าโดยขอบ้านไว้ให้ลูกเป็นหลักประกัน พร้อมเงินค่าเลี้ยงดูประมาณ3-4หมื่น(เค้าเงินเดือนเกือบแสนค่ะ)
แล้วเรื่องทางนั้นให้เค้าไปจัดการเอง จะไปส่งเสียกันอย่างไร หรือจะไปอยู่กับทางนั้นเลยก้อแล้วแต่ หนูไม่อยากต้องมาคิดแก้ปัญหาที่เค้าทำขึ้น และต้องอยู่แบบระแวง ไม่มีความสุข ถ้าเค้ารักหนูรักลูกจริง ก้อไปหาทางจัดการเอาเอง แสดงให้เห็นให้ได้ว่าอยากอยู่กับเราจริง ถ้าพิสูจน์ตัวเองได้หนูอาจจะยอมให้เค้ากลับมาอยู่ด้วยใหม่ แต่ถ้ากลายเป็นว่าเค้าไปอยู่กับทางโน้นเลย ก้อดีไปที่หนูไม่ต้องมาเสียใจอีก
อาจารย์คิดว่าหนูตัดสินใจถูกมั้ยคะ หนูคิดว่าอาจารย์คงตอบว่าอันไหนเราทำแล้วสบายใจก้อทำไป ถามใจตัวเองดู ใช่หรือเปล่าคะ หนูเพียงแค่อยากฟังความเห็นและคำแนะนำของอาจารย์ซึ่งผ่านเรื่องราวและมีประสบการณ์มาเยอะน่ะค่ะ
เล่ามาซะยาว ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ที่สละเวลาอ่าน |