1. ตอนซืื้อบ้านผู้ตายและข้าพเจ้าเป็นผู้ซื้อบ้านร่วมกัน และข้าพเจ้าเป็นเจ้าบ้านโดยที่ผู้ตายไม่ได้ย้ายชื่อเข้ามาในบ้าน แต่อาศัยในบ้านหลังนี้ หลังจากนั้นก่อนผู้ตายเสียชีวิตประมาณ 9 เดือนได้ย้ายชื่อมาอยู่ในบ้านฐานะเจ้าบ้าน ส่วนข้าพเจ้าได้เปลี่ยนเป็นผู้อาศัยแทน เมื่อผู้ตายเสียชีวิตแล้วข้าพเจ้าสามารถเป็นเจ้าบ้านแทนได้เลยหรือไม่เพราะตอนซื้อบ้านก็เป็นชื่อของทั้ง 2 คน หรือต้องให้มีการตั้งผู้จัดการมรดกรับบ้านไปก่อนแล้วค่อยแบ่งสรรกันอีกครั้ง
2. กรณีผู้ตายไม่มีบิดามารดา(เสียชีวิต) และผู้ตายเป็นโสด(ไม่มีสามีและบุตรธิดา) มีเพียงมีน้องร่วมสายเลือด 3 คน โดยเป็นผู้ที่ศาลสั่งฟ้องล้มละลาย 1 คน จึงเหลือแค่ 2 คน ดังนั้นทั้ง 2 คนที่เหลือนี้สามารถตั้งลูกหรือหลานของตนมาเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่(ไม่มีปัญหาในเครือญาติเนื่องจากการแบ่งมรดกเนื่องจากมีพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย และทุกคนไม่มีปัญหาใดๆอยากจะตั้งใครเป็นผู้จัดการมรดกก็ได้)
3. ถ้ายังหาเอกสารไม่ครบ หรือยังไม่รู้ว่ามีทรัพย์สินเหลืออยู่ที่ใดอีกหรือไม่ เช่นหาสมุดบัญชียังไม่เจอแต่รู้ว่ามีฝากไว้กับธนาคารเช่นนี้ หากตอนตั้งผู้จัดการมรดกไม่ได้ระบุทรัพย์สินทุกรายการลงไป สามารถใช้คำสั่งศาลอันเดิมถอนเงินจากสมุดบัญชีเมื่อเจอเอกสารได้หรือไม่ จำเป็นหรือไม่ว่าตอนตั้งผู้จัดการมรดกต้องไล่รายการมรดกทุกรายการ
1. การเป็นเจ้าบ้าน ไม่ได้แปลว่าเป็นเจ้าของบ้านเสมอไป เมื่อคนที่เคยเป็นเจ้าบ้านเสียชีวิต คุณก็ไปเปลี่ยนรายการในทะเบียนบ้านเสียใหม่ จากผู้อาศัยมาเป็นเจ้าบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้แบ่งมรดกเสียก่อน
2. ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็ตั้งใครที่คิดว่าน่าไว้วางใจที่สุด หรือตัวคุณเองก็ได้ เพราะคุณมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นเจ้าของร่วมในบ้านหลังนั้น
3. เมื่อศาลตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ก็มีอำนาจทำอะไร ๆ เกี่ยวกับมรดกได้