เรื่องมันยาว
หนูคบหากับแฟนได้ประมาณ 2 ปี
ประมาณปี 2542-2545 ก็ตกลงจดทะเบียนสมรสกัน (จำไม่ได้เอกสารอยู่บ้านแม่ค่ะ) โดยพ่อกับแม่หนูรับรู้มาตลอด เราก็กลับไปเยี่ยมบ้านด้วยกันบ่อยๆ ระหว่างนี้หนูท้องสองครั้ง ด้วยความที่เขายังเรียนอยู่ก็เลยตัดสินใจกินยาขับเลือด! ทั้งสองครั้ง
ปี พ.ศ.2541 หนูกลับมาเรียนต่อ ปวส.ที่บ้านเกิด ระหว่างนี้เขาก็ไปมาหาสู่ปกติค่ะสลับกันไป-มา วันหนึ่งหนูไปหาเขาที่หอพัก แล้วพ่อกับแม่เขาคงสงสัยเลยแอบมาดู ก็เจอหนูพอดี เขาก็ด่าหนูด้วยคำหยาบคายมากๆ ดูถูก เพราะบ้านหนูจนค่ะ หนูกลับบ้านมาด้วยความโกรธ โมโหมาก รู้ว่าผิดแต่ระงับอารมณ์โกรธไม่ได้ แต่หนูก็ทำได้แค่นั้น ไม่ได้ตอบโต้เขาซักคำ และรู้สึกว่าตัวเองจะท้อง จึงกินยาขับเลือดอีกเป็นครั้งที่ 3 พอดีหนูเรียนจบ ปวส.พอดีเลยตัดสินใจเรียนต่อ
ปี พ.ศ.2544 หนูตัดสินใจเรียนต่อ ป.ตรี พ่อกับแม่เขาก็ออกแนวห้ามปรามไม่ให้ลูกเขามาหา เขาก็เชื่อพ่อกับแม่เขาค่ะ แต่พ่อกับแม่หนูก็เตือนสติหนูว่าอย่าไปแยกลูกเขาจากพ่อแม่มันบาป ให้เขาเชื่อฟังพ่อกับแม่เขาถูกต้องแล้ว หนูก็ยังโกรธอยู่แต่ก็เชื่อฟังคำพ่อแม่สอน ก็สบายใจขึ้น ตั้งใจเรียน ประกอบกับมีผู้หญิงออกแนวทอมบอยเข้ามาพูดคุยเป็นเพื่อนก็รู้สึกอบอุ่น จู่ๆ แฟนหนูก็โผล่มาโดยไม่บอกล่วงหน้าหลังจากที่เขาหายหน้าไปนาน มารู้ทีหลังว่าเพื่อนหนูที่เรียนด้วยก้นโทรไปบอกเขา เพื่อนไม่อยากให้หนูคบผู้หญิงด้วยกัน เขามาก็คุยกันดีบ้างทะเลาะบ้าง ระหว่างคุยกันแม่เขาก็โทรมาตาม เขาก็คุยต่อหน้าหนูแหละ บอกแม่ว่าอยู่กับหนูแล้ว หนูก็ตกใจ! ว่าไปบอกทำไมเดี๋ยวก็โดนดุหรอก แต่เขากลับยื่นโทรศัพท์ให้คุยกันแม่เขา แต่หนูไม่คุยด้วยเพราะไม่มั่นใจว่าจะโดนด่าอีกหรือเปล่า ก็ทะเลาะกันกับเขานิดหน่อย หนูบอกให้เขากลับไปซะ กว่าจะกลับก็เกือบมีเรื่องกับเพื่อนผู้ทอมคนนั้น แต่เขาก็กลับไปแต่โดยดี และหายไปไม่ติดต่อมาอีกเลย!!!...แต่หนูมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมพี่ชายพอดีพี่สะไภ้ก็เลยโทรบอกเขาว่าหนูมานะ มาคุยกันซิอยากให้ดีกัน เขาก็มา หนูดีใจที่เขามาตัดสินใจจะคืนดี และอยู่ด้วยกันต่อไป โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นแม่เขาโทรมาตามเห็นกลับบ้านค่ำ เขาก็ดูจะเกรงๆ แม่ หนูบอกไม่เป็นไรเธอกลับบ้านเถอะ! ถ้ายังไม่กล้าพอ หนูก็งอนเขาแต่นั้นมา...(ไม่ติดต่อกันเลย)
ปี พ.ศ.2554 หนูโทรไปหาเขา ถามข่าวว่าเป็นงัย? เขาบวชอยู่! ก็เลยบอกเขาว่าถ้าบวชก็ให้แผ่ส่วนกุศลให้ลูกด้วย เขาก็รับปาก แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก...
ปี 2556 วันที่ 8 ต.ค.56 เขาโทรมาหา บอกขอ หย่า หนูก็ตอบ ได้ซิไม่มีปัญหา แต่ขอทราบเหตุผล? เขาได้แต่หัวเราะ ไม่กล้าตอบ ติดอ่าง หนูเลยพูดแทรกว่า ลูกจะเข้าโรงเรียนหรอ? เขาก็ยอมรับเสียมิได้ หนูฟังก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกอะไร เพราะกำลังงานยุ่งก็รับปากไปว่าจะหย่าให้ แล้วทิ้งท้ายว่าพาภรรยากะลูกมาด้วยซิ และตอบรับเป็นเพื่อนกันในเฟสเห็นรูปเขา ภรรยาเขา ลูกเขา ไปเที่ยวกันดูน่าอบอุ่น ก็รู้สึกยินดีไม่คิดอะไร วันนั้นหนูกลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยงานมาก รีบอาบน้ำนอนเพราะเหมือนจะไม่สบาย แต่นอนไม่หลับ! จู่ๆภาพเก่าๆ มันก็ผุดขึ้นมามากมาย พยามข่มตาหลับก็ไม่หลับ จึงตัดสินใจส่งข้อความหาเขาตอนเที่ยงคืนกว่าว่า ฉันนอนไม่หลับ คืนนั้นเลยได้ระบายใส่เขามากมาย เรื่องลูก เรื่องแม่ และตัวเขาเอง เขาบอกเขา ขอโทษ เขาผิดเอง ถ้าที่ผ่านมาเขากล้ากว่านี้เราคงได้อยู่ด้วยกันไปแล้ว หนูร้องไห้รู้สึกบาปกับการกระทำที่ผ่านมา ที่ผ่านมาก็รู้สึกบาปมาตลอดอยู่แล้ว เขาก็บอก ไม่รู้จะพูดอย่างไร...ขอโทษ หนูก็ยังเคืองๆ เขาอยู่กับเรื่องลูก จึงบอกเขาไปว่า ถ้าเธออยากหย่า เธอก็เอาเงินสดค่าชีวิตลูกฉันมา เงินสด 300,000 วางตรงหน้าฉันแล้วฉันจะให้อิสระเธอทันที เขารับปากว่าจะทำตามข้อเสนอทุกประการ แล้วเขาก็เงียบหายไปจนถึงปัจจุบัน...คำถามค่ะ
1. การหย่าต้องเซ็นเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ไม่สามารถทำได้โดยวิธีอื่นใช่หรือไม่?
2. เขามีสิทธิ์ฟ้องหย่าได้หรือไม่ กรณีหนูคบทอม ปัจจุบันยังคบอยู่ แต่ไม่เคยคบผู้ชายอื่นหลังจากเขาจากไปด้วยความสัตย์จริง?
3. หนูมีสิทธิ์ฟ้องเขาได้หรือไม่ กรณีเขามีภรรยาใหม่ มีลูกด้วยกัน 2 คน?
กราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ |