ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    020214 ถูกฟ้องล้มละลายคนซื่อ15 มกราคม 2550

    คำถาม
    ถูกฟ้องล้มละลาย

    เรียนอาจารย์ ที่นับถือ

           เนื่องด้วยเมื่อปี 2534 ดิฉันไปรับจ้างทำบัญชีให้โครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง  ด้วยเห็นว่าเขาเป้นลูกค้าเมื่อเขาขอให้ช่วยลงชื่อซื้อบ้านเพื่อให้ครบเฟรสจะได้นำเข้าธนาคารพร้อมกัน โดยที่ดิฉันไม่ต้องเสียเงินดาวน์เลยและเขายังจะให้เงินด้วย ประมาณ 50,000.-บาท เชื่อเขาเมื่อทำนิติกรรมเสร็จแล้วเขาบอกว่าธนาคารไม่ปล่อยเงิน จึงไม่ได้ให้ดิฉันตามสัญญา แต่เขาบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะเขาเป็นคนค้ำประกัน เขาจะดูแลให้เอง เมื่อธนาคารทวงถามดิฉันจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ส่งธนาคารเลย แต่เขาก็ยังบอกเหมือนเคยว่าไม่ต้องกังวล เขาเป็นผู้คำประก้นอยู่ จนกระทั่งธนาคารเรียกคืนทั้งจำนวนเพราะไม่ได้ส่งเลย เมื่อปี 2535 ดิฉันจึงได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อบอกความจริงให้ฟัง  และธนาคารก็บันทึกข้อมูลไว้และบอกว่าจะกันดิฉันไว้เป้นพยาน เมื่อฟ้องศาล แต่กว่าจะฟ้องศาลล่วงเลยถึงปี 2540 ฟ้องดิฉันและสามีเท่านั้นไม่เห็นฟ้องผู้ค้ำประกันเลย ทั้งที่เจ้าตัวเขาก็บอกว่าเป็นผู้ค้ำประกัน และตอนเป็นหมายทนายของธนาคารก็มีสำเนาส่งถึงผู้ค้ำประกันด้วย เมื่อศาลสั่งให้ชำระหนี้และยึดบ้านไปขายทอดตลาด เขาก้ยังบอกอีกว่า ไม่ต้องห่วงเขาจะต้องไปดูแล เพราะถ้าบ้านขายได้ราคาต่ำเขาก็ต้องใช้มากขึ้น ดิฉันก็ยังเชื่อเขาอีก และในขณะเดียวกันดิฉันก็กู้ธนาคารแห่งใหม่เพื่อพัฒนาธุรกิจของตัวเอง ยังถามธนาคารผู้ให้กู้แห่งใหม่เลยว่าดิฉันยังมีเครดิตเสียอยู่หรือใหม่ ธนาคารแห่งใหม่บอกว่าไม่มีและให้ดิฉันกู้เงินมาทำธุรกิจถึง 2,000,000. บาท เมื่อปี 2548 ทำให้ดิฉันดีใจและตั้งใจสร้างหลักฐานตัวเอง แต่อยู่มา เดือน มกราคม 2550 ดิฉันตกใจมากเมื่อได้รับหมายศาลถูกฟ้องล้มละลาย จากเงินต้น 450,000.- บาท หัก ราคาบ้านที่ขายทอดตลาดแล้วโดยธนาคารซื้อไว้เอง 160,000 ที่เหลือจึงเป็นดอกเบี้ย รวมแล้ว 1,300,000-บาท จึงจะเรียนปรึกษาอาจารย์ให้แนะนำว่า ควรจะทำอย่างไรดี เพราะดิฉันไม่เคยคดโกงใครจึงคิดว่าคงไม่มีใครทำร้ายเรา แต่เรื่องจริงแล้วไม่ใช่ จึงจะเรียนถามอาจารย์ว่า

        1. จะขอให้ศาลล้มละลายกลางพิจารณาคดีใหม่เพื่อให้ฟ้องผู้ค้ำประกันมาใช้หนี้ร่วมด้วยได้หรือไม่ เพราะความจริงแล้วดิฉันไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากบ้านนั้นเลย เจ้าของโครงการบอกว่าเป้นห้องริมขายง่าย จะรีบขายให้ไว แต่ไม่เป้นไปอย่างที่บอก

        2.ถ้าธนาคารฟ้องศาลเสียแต่แรก ๆ ที่ขาดส่ง ยอดเงินก็คงไม่มากขนาดนี้ เพราะเขาไม่ได้ส่งเลยสักงวดเดียว จะนำมาเป้นข้ออ้างเพื่อลดจำนวนลงได้หรือไม่

       3.ดิฉันต้องรับใช้ให้เขาจริงๆ หรือ เสียกำลังใจเสียเวลาทำมาหากินเหน็ดเหนื่อยต้องนำมาให้เขาหมด แทนที่จะฟ้องเสียแต่ตอนที่เรายังไม่มีอะไร ซึงครั้งแรกก็ไม่คิดว่าธนาคารจะปล่อยกู้ด้วย เพราะเราไม่มีอะไรจริงๆ แม้บัญชีเงินฝากธนาคารยังตอบเจ้าหน้าที่ธนาคารไปเลยว่าไม่มี แต่ธนาคารก็ปล่อยกู้ออกมาได้แทนที่จะช่วยปฏิเสธเจ้าของโครงการแทนเรา เพราะดิฉันเกรงใจเขา ซึ่งเป็นลูกค้า

        ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ ศาลนัดครั้งแรกวันที่ 2 ก.พ.2550                

    คำตอบ

    เรียน คนซื่อ

        1.เมื่อศาลตัดสินไปแล้วคงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ เพราะถ้าคุณจะให้เขาฟ้องผู้ค้ำประกันด้วยก็ต้องกระทำเสียตั้งแต่เริ่มคดีใหม่ ๆ ซึ่งสามารถทำได้โดยให้ศาลเรียกผู้ค้ำประกันเข้ามาในคดีด้วย

       2. ใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้

       3. ก็ต้องใช้เขา  แต่เมื่อล้มละลายเสียแล้ว เขาก็คงมายึดทรัพย์และกิจการทั้งหมดไปขายทอดตลาดนำเงินไปชำระหนี้ที่มีอยู่

        การลงชื่อในเอกสารอะไรก็ตาม ถ้าคนที่มาของให้ลงชื่อให้เงินด้วย  ให้จำไว้เถิดว่าความรับผิดที่เกิดขึ้นจะต้องมากกว่าเงินที่เขาให้มาอย่างมหาศาล


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 มกราคม 2550