ประมาณปี2532-2535 คุณพ่อของสามีได้ทำทาวเฮ้าส์ขายจำนวนหนึ่งที่พัทยา โดยมีสามีดิฉันกับพี่สาวของเขาเป็นคนช่วยขาย ลูกค้าแต่ละรายจะนำเข้าจดจำนองที่ธนาคารไทยพาณิชย์-พัทยา โดยแต่ละรายจะถูกหัก10%ของยอดจดจำนองและให้สามีดิฉันเป็นผู้ค้ำประกันอีกที ทางธนาคารไม่ยอมเอาบิดาซึ่งเป็นเจ้าของตัวจริงค้ำโดยให้เหตุผลว่ามีอายุ60ปีแล้ว

ต่อมาในช่วงปีที่เกิดวิฤติเศรษฐกิจ 2538 ลูกค้าจำนวน10รายได้ทำการหยุดผ่อนชำระทางธนาคารจึงทำการยึดเงินประกัน10%พร้อมกับทำการฟ้องลูกค้าจำเลยที่1และผู้ค้ำคือสามีจำเลยที่2 เป็นเงินต้นจำนวน3ล้านดอกเบี้ย7ล้าน ซึ่งในจำนวน10 รายนี้บางรายสามีก็ได้รับหมายบางรายก็ไมได้รับหมายศาล ในรายที่ได้รับหมายศาลเขาก็จะทำการซื้อคืนจากธนาคารโดยตรงบ้างจากการขายทอดตลาดบ้างแล้วแต่กรณี เพราะธนาคารบอกว่าถ้าทำการซื้อคืนก็จะไม่เรียกทรัพย์หรือติดใจเอาความอีกเพราะได้รับเงินที่หักไว้ส่วนหนึ่งแล้ว และทางธนาคารก็ได้ทำการติดต่อกับสามีและทำธุรกรรมกันมาตลอด เพราะหลังจากเกิดวิกฤติสามีก็แยกออกมาเปิดสำนักงานทำบัญชีเองโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ โดยสามีดิฉันอยู่ที่พัทยาจะมาเยี่ยมลูกเฉพาะวันเสาร์-อาทิคย์เท่านั้น  เป็นอยู่อย่างนี้จนกระทั่งเมื่อวันที่10-1-50ทางธนาคารกสิกรไทยที่ดิฉันมีบัญชีอยู่ได้แจ้งให้ดิฉันทราบว่าสามีของดิฉันได้เป็นบุคคลล้มละลายแล้วโดยประกาศในราชกิจจาฯเมื่อ2-1-50 ดิฉันจึงได้ติดต่อกับสามีว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งเขาเองก็ตกใจเพราะคุยกับฝ่ายกฎหมายไทยพาณิชย์ตลอดแต่ทำไมไม่บอกกล่าวอะไรเลย สามีเลยรีบติดต่อสอบถามแต่ฝ่ายกฎหมายกลับตอบมาว่าแล้วพี่จะเอาอย่างไรผมฟ้องล้มละลายไปแล้ว และบอกว่าถ้าพี่นำเงินมาให้ธนาคารประมาณ8แสนบาทก็จะถอนฟ้องทุกคดีให้

1.ทำไมนโยบายของธนาคารไทยพาณิชย์-พัทยาถึง2หน้าเหมือนแกล้งกันทั้งๆที่ผู้ค้ำประกันก็ให้ความร่วมมือช่วยกันเต็มที่ที่ทราบเรื่องดังรายละเอียดข้างต้นแต่ไม่ติดตามจำเลยที่1เลย ดูจากรายละเอียดที่ในคำสั่งศาลบางเรื่องน่ะค่ะ

2.ก่อนหน้าที่จะฟ้องล้มละลายก็ได้ทำการยึดที่ดินเปล่า 1 แปลงไปแล้วอยู่ระหว่างทำการขายทอดตลาดแล้วทำไมฟ้องล้มละลายได้คะ

3.เป็นไปได้หรือคะที่มูลหนี้10 คดี10ล้านบาทจะให้ชดใช้แค่8แสนบาทแล้วถอนล้มละลายให้

4.สนง.บัญชีของสามีก็มีอยู่ธนาคารก็ทราบทั้งยังมาติดต่อเรื่องงานบ่อยๆทำไมถึงต้องฟ้องล้มละลายคะและทำไมสนง.ถึงไม่ถูกยึดทรัพย์คะ

5.ดิฉันจดทะเบียนสมรส10-11-24แยกกันอยู่แต่ไม่ได้หย่าเพราะเหตุผลทางสังคม มีที่ดิน2แปลงคือ1.ได้จากพี่เขยให้น้องภรรยาโดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทนเมื่อ31-7-29 และ2.ได้จากพี่สาวร่วมบิดามารดาโดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทนเมื่อ5-10-39 ที่ดินทั้ง2แปลงนี้ถือเป็นสินส่วนตัวหรือไม่จะถูกยึดทรัพย์ด้วยหรือไม่และเงินฝากในธนาคารของดิฉันรวมทั้งของบุตร2คนบรรลุนิติภาวะและอีกคนยังไม่บรรลุนิติภาวะจะถูกยึดด้วยหรือไม่คะ

6.บ้านที่ดิฉันกับลูกอยู่เดิมเป็นสินสมรสแต่ใส่ชื่อส ามีไว้และดิฉันขอให้สามีโอนใส่ชื่อลูกสาวคนโตเพราะเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดีโดยทำการโอนไปก่อนที่จะทราบว่าเป็นบุคคลล้มละลายจะมีผลอะไรหรือไม่คะจะมีความผิดหรือไม่คะโอนก่อนปีใหม่นี้เองค่ะ

6.วันที่19-2-50ทางธนาคารได้แจ้งมายังสามีว่าวันที่26-3-50จะฟ้องล้มละลายอีกคดี(1ใน10คดี) สามีถูกให้ล้มละลายไปแล้ว2-1-50จะถูกฟ้องล้มละลายได้อีกหรือคะ และสามีดิฉันไม่มีเจ้าหนี้หรือโจทก์ที่ไหนเลยนอกจากไทยพาณิชย์ทำไมศาลถึงไม่รวมให้เป็นคดีเดียวกันไม่ได้หรือคะ ถ้าฟ้องล้มละลายที่ละคดีอย่างนี้ก็ต้องล้มละลายไป30ปีนะสิคะเพราะ10คดีคูณ3ปี

7.ดิฉันไม่ทราบว่าดิฉันและลูกๆต้องทำตัวกันอย่างไรคะเรากลัวต้องถูกยึดทรัพย์มากเพราะคนเล็กเพิ่งอยู่ม.5 คนโตเพิ่งจบเดือนนี้เองยังไม่ได้รับปริญญาเลย ส่วนสามีเขาไม่ได้โทรมาแจ้งอะไรให้ทราบอีกเงียบไปทำให้ดิฉันทำตัวไม่ถูก

ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้านะคะที่รบกวนถามมาอย่างยาวเลยเพราะดิฉันต้องการให้อาจารย์ได้ข้อมูลมากที่สุดนะคะขอบพระคุณด้วยใจอีกครั้งค่ะ

การตอบคำถามทางเว็บนั้นจะตอบตามข้อเท็จจริงที่เล่ามา บางครั้งถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือผิดพลาดไปคำตอบก็จะผิดพลาดได้  เรื่องของคุณเป็นความเป็นความตายทางเศรษฐกิจ และมีเงื่อนแง่ที่สามารถแก้ไขได้ จึงควรปรึกษากับทนายความโดยตรงจะเป็นประโยชน์กว่า  ส่วนผลของการล้มละลายที่จะกระทบต่อทรัพย์สินอย่างไรบ้างนั้น ถ้าเข้าไปอ่านคำถามของคนอื่น ๆ ในหัวข้อ "ล้มละลาย" ก็จะได้รับคำตอบตามสมควร