สวัสดีค่ะ
สามีดิฉันทำธุรกิจรับเหมา เมื่อประมาณปี 45 ได้ไปเซ้งบู๊ทสำหรับขายของเนื้อที่ 33 ตารางวา ที่ห้างอิมพีเรียลสำโรงผ่อนกับธนาคารเอเชีย ในราคา 3ล้านหกแสนบาทได้ทำการผ่อน มาช่วงปลายปี กิจการไปไม่รอดคงติดค้างประมาณ สองล้านเศษ สามีเชื่อคนรู้จักว่ายอมให้ยึดไปดีกว่า ปรากฏว่าเอเชียขายทอดตลาดในราคาแสนเจ็ด ไม่พอค่าหนี้ได้ฟ้องบริษัทล้มละลาย ทีนี้ทรัพย์สินทั้งหมดมีบ้าน ตึกแถว และโรงงาน ทรัพย์สินคิดมูลค่ารวม 20 กว่าล้าน เค้าแบ่งทอดตลาดขายแต่ละธนาคารี่เราติดก็ช้อนซื้อไปในราคาที่เราเป็นหนี้ และทางธนาคารได้ฟ้องขับไล่ดิฉันออกจากโรงงานที่อาศัยอยู่ ซึ่งโรงงานดังกล่าวราคาระเมิณที่ธนาคารตั้งขายตอนนี้ 16 ล้านเก้าแสนบาท ดิฉันได้ยื่นร้องขอต่อกรมบังคับคดีได้ยกคำร้อง ในเมื่อเป็นสินสมรส ดิฉันจะต้องทำอย่างไรบ้าง ปัจจุบันสามีตัดช่องน้อยแต่พอตัว ทิ้งให้ดิฉันเลี้ยงลูก 6 คน ต้องอาศัยพื้นที่หน้าโรงงานขายของและอาหารตามสั่งไปวัน ๆ จะไปยื่นสู้คดีก็ไม่มีความร้ เมื่อวันที่ 15 ทางเพทายบริหารสินทรัพย์ได้ไปฟ้องศาลให้ขับไล่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดินกลัวมาตลอด ไม่รู้จะพาลูก ๆ ไปอยู่กันที่ไหน ทางศาลนครปฐมให้เวลา 6 เดือน ให้ย้ายออกภายในเดือนเมษายน 2551 ดิฉันควรจะทำอย่างไรบ้าง ราคาที่ดินโรงงานทั้งหมดขายทอดตลาดไป ในรา 6 ล้าน 8 แสนบาท ได้ไปขอซื้อกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อมีคนสนใจจะซื้อ คิดว่าหากเจรจาขอซื้อคืนก็ยังจะมีเงินพอเหลือได้ขนย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ได้ เขาบอกไม่ขายให้เรา เคยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่งได้มาเจรจาให้ออก และบอกว่าขายแล้ว พอดิฉันไม่คุยได้เคยส่งนักเลงมารื้อของและไล่ ทุกวันมีสภาพกดดันมากจนจะเป็นบ้าไปทุกขณะ แต่ต้องอดทนเพราะลูกกำลังเรียนหนังสือ คนเล็กได้ 11 ปี ขอคำแนะนำโดยย่อ
ว่าจะทำอย่างไรดีในกรณีเช่นนี้
จะเรียกร้องขอค่าขนย้ายจากเพทายบริหารสินทรัพย์จะได้หรือไม่
จะต่อสู้คดี หรือยื่นคำร้องได้ที่ไหนบ้าง
มันเป็นกฏหมายใหม่ที่เราจะต้องออกตามคำฟ้องใช่หรือไม่
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมาก มา ณ ที่นี้
พิม ดาฑิกา 081-615-9678