เรียน อาจารย์ที่เคารพ
สามีทำนิติกรรมกู้เงินซื้อบ้านที่จังหวัดเชียงรายเมื่อปี 2537 ส่งไปเพียง 2 งวด และได้โอนลอยไว้ให้เจ้าของโครงการเพื่อดำเนินการหาผู้ซื้ออื่นมาผ่อนชำระแทน ต่อมาในปี 2543 ได้จดทะเบียนสมรสกับดิฉัน โดยสามีและดิฉันไม่ทราบว่าโครงการบ้านดังกล่าวถูกฟ้องและขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวได้ในปี 2548 จนกระทั่งวันที่ 17 สิงหาคม 2551 มีหมายเรียกสามีให้เข้าสู่คดีล้มละลาย เนื่องจากมูลหนี้สูงกว่า 1 ล้านบาท และธนาคารผู้ให้กู้มิสามารถหาหลักทรัพย์อื่นใดมาชำระหนี้ได้
นับแต่จดทะเบียนสมรส เมื่อ 2543 สามีไม่มีอาชีพและรายได้ ดิฉันได้แจ้งต่อกรมสรรพากรเพื่อการลดหย่อนด้วยข้อมูลนี้มาโดยตลอด จึงใคร่เรียนถามว่า
1. หนี้ดังกล่าวจะมีผลผูกพันดิฉันในฐานะคู่สมรส และบังคับต่อเงินสด หรือสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อหามาด้วยเงินของดิฉันเพียงผู้เดียวหรือไม่ ตลอดถึงเงินเดือน เงินพิเศษอื่นๆ อันอาจมี ที่จะได้รับจากบริษัทที่ทำงานอยู่ ด้วยเกรงผลกระทบต่อบุตรของเราที่ยังเป็นผู้เยาว์ อายุเพียง 6 ปี
2. การหย่าในวันนี้ ก่อนขึ้นศาลในเดือนมีนาคม 2552 จะมีผลอย่างใดหรือไม่คะ หากดิฉันจะหวังผลจากการหย่าเพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกบังคับคดี เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูบุตร และดูแลสามีที่จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้ตลอด 3 ปี
กราบขออภัยที่รบกวนเรียนถาม หากแต่ได้พยายามอ่านก่อนตั้งคำถามแล้ว แต่ไม่อาจขจัดความหม่นหมองที่เกิดขึ้นได้ จึงขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงมา ณ. ที่นี้ค่ะ
เรียน นิติ มธ.
1. หนี้นั้นจะมีผลผูกพันสินสมรสส่วนที่เป็นของสามี อะไร ๆ ที่หามาได้ในระหว่างสมรส ย่อมเป็นสินสมรส
2. ก็อาจจะมีผลอยู่บ้าง แต่ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เขาตามมาใช้สิทธิเพื่อทวงสินสมรสส่วนของสามี คุณก็คงวุ่นวายในการต่อสู้คดีอยู่ไม่น้อย