เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ

ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำชี้แนะต่างๆของอาจารย์ ผมเรียนขออนุญาติถามคำถามเกี่ยวกับข้อกฏหมายดังนี้ครับ

กรณีมีหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (วงเงินรวมกัน 7แสนกว่าบาท จาก 5 แห่ง) และมีหนี้เงินกู้ซื้อบ้านกับธนาคารอื่นที่ไม่เกี่ยวกับธนาคารที่ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (และบ้านผมกู้ร่วมกับแฟนที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสครับ) โดยหากผมไม่สามารถจ่ายค่างวดบัตรเครดิตได้ จนมีเหตุถูกฟ้องร้อง แต่ผมสามารถจ่ายค่างวดผ่อนบ้านได้ไม่เคยขาดการส่งแล้ว

1. กรณีหนี้บัตรเครดิตไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อถูกฟ้องศาล ทางเจ้าหนี้บัตรเครดิตจะสามารถมายึดบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดได้หรือไม่ หากได้ เหตุใดกฎหมายจึงให้ยึดบ้านได้ทั้งที่บ้านยังไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของผมโดยตรง และผมยังผ่อนบ้านได้ตามสัญญา

2. เมื่อผมไม่ชำระหนี้บัตรเครดิต และผมถูกเจ้าหนี้บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยมากจนยอดหนี้เกิน 1 ล้านบาท และผมอาจถูกฟ้องล้มละลาย (ตามที่อาจารย์เคยชึ้แนะ) แต่ผมยังคงจ่ายหนี้ผ่อนบ้านต่อได้หรือไม่ และเช่นเดียวกับคำถามแรก เหตุใดกฎหมายจึงให้ยึดบ้านได้ทั้งที่บ้านยังไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของผมโดยตรง และผมยังผ่อนบ้านได้ตามสัญญา

3. กรณีที่ผมสามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้เต็มตามสัญญา และสามารถผ่อนหนี้บัตรและสินเชื่อได้บางส่วน ในชั้นศาล ผมจะมีโอกาสประนอมหนี้ ให้ผมสามารถผ่อนบ้านได้ (มีบ้านอาศัย) และผ่อนชำระหนี้บัตรและสินเชื่อบุคคลในอัตราต่ำได้หรือไม่ครับ ขอให้อาจารย์โปรดแนะแนวทางที่เป็นไปได้ด้วยครับ

สุดท้ายนี้ ผมและครอบครัวขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ชี้แนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อผม และต่อสังคมไทยครับ

เรียน คนเครียดหนัก

1. เมื่อเป็นหนี้เขาแล้ว เจ้าหนี้เขาก็ย่อมมีสิทธิมายึดอะไร ๆ ที่มีมูลค่าไปขายเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ได้ทั้งนั้นแหละ ยกเว้นของเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับบ้านที่กำลังผ่อนส่งนั้น ลองไปดูหนังสือซื้อบ้านและสัญญาเงินกู้ดูเถอะ  ส่วนใหญ่จะทำในลักษณะที่ให้คุณไปกู้เงินจากธนาคารแล้วนำเงินนั้นไปชำระให้คนขายบ้าน ส่วนคุณก็จำนองบ้านนั้นกับธนาคารและผ่อนส่งเรื่อยไปจนกว่าจะหมด บ้านนั้นน่ะเป็นของคุณตั้งแต่แรก

2. ถ้าคุณล้มละลาย คุณก็จะไม่มีเงินพอที่จะผ่อนส่งบ้านได้อีก เพราะรายได้ทั้งหมดที่คุณมี คุณต้องนำส่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถ้าคุณปกปิดไว้หรือยักยอกไว้ คุณก็อาจถูกฟ้องฐานคนล้มละลายทุจริต ซึ่งจะทำให้ต้องล้มละลายไปนาน (ไม่มีสิทธิพ้นจากล้มละลายเมื่อครบ ๓ ปี)  สำหรับการผ่อนส่งบ้านนั้น เจ้าพนักงานเขาจะดูว่า ถ้าคุณมีรายได้พอที่จะส่งได้ เขาก็ไปยึดรายได้นั้นมา ถ้าเขาเห็นว่าการผ่อนส่งต่อไปอีกนิดหน่อยจะทำให้บ้านมีราคาดีกว่า เขาก็จะนำเงินนั้นผ่อนส่งต่อไป พอได้เวลาเขาก็ขายบ้านนั้นเอาเงินมาชำระหนี้  แต่ถ้าเขาเห็นว่าขายได้เลย เขาก็ขายเลย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะยังไม่พอชำระหนี้  เขาก็อายัดรายได้ที่คุณหาได้เพื่อนำไปชำระหนี้ต่อไปจนกว่าจะหมด  เวลาเป็นหนี้เขาน่ะ ไม่ได้หลบเลี่ยงได้ง่าย ๆ อย่างที่คิดหรอก

3. ถ้าคุณสามารถผ่อนส่งหนี้บัตรเครดิตได้ตามที่สัญญากับเขาไว้ ก็ไม่มีเจ้าหนี้ที่ไหนเขาจะฟ้องหรอก