เรียน ท่านมีชัย
ดิฉันได้ทำสัญญาซื้อบ้าน โดยที่ไม่ทราบว่าผู้ขายกำลังถูกฟ้องล้มละลาย ตั้งแต่ กันยายน 2551 โดยวางมัดจำจำนวน 130,000 บาท และได้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย แต่บ้านที่จะซื้อถูกทางธนาคารพิทักษ์ทรัพย์เมื่อ กุมภาพันธ์ 2552 โดยดิฉันได้ไปแสดงตนเป็นเจ้าหนี้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่กรมบังคับคดีเรียบร้อยแล้ว
พอไปตรวจคำขอรับชำระหนี้ พบว่ามีเจ้าหนี้ทั้งสิ้น 4 ราย โดย หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหนี้มีหลักประกัน(ธนาคาร) และที่เหลือเป็นเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน โดยเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันยื่นฟ้องประมาณ 4.8 ล้านบาท ซึ่งมีค่าสูงกว่าราคาประเมินทรัพย์สินที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์มาก (ราคาประเมินบ้านหลังดังกล่าว อยู่ที่ ประมาณ 1.7 ล้านบาท) ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่า ถ้าบ้านดังกล่าวถูกขายทอดตลาด (ซึ่งน่าจะไม่เพียงพอในการชำระต่อเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน) ทางเจ้าหนี้ที่เหลืออีก 3 รายจะไม่ได้รับเงินที่ลูกหนี้ค้างชำระอยู่ เพราะสิทธิ์ในการได้รับชำระหนี้อันดับ 1 คือ เจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน
จึงขอเรียนถามว่า
1. จากสิ่งที่ดิฉันทราบมาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ถูกต้องใช่ไหมคะ
2. ดิฉันควรทำอย่างไร ถึงจะได้รับเงินมัดจำคืนบ้าง (ไม่สูญเงินมัดจำไปทั้งหมด)
3. ถ้าดิฉันยังคงต้องการบ้านหลังดังกล่าวอยู่ ตามราคาที่ตกลงไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) มีวิธีใดบ้างคะ เพราะคิดว่าจะรับชำระหนี้ทั้งหมดแทนลูกหนี้ คงเป็นไปไม่ได้คะ
4. ดิฉันสามารถติดต่อซื้อผ่านทางธนาคารได้โดยตรงหรือเปล่าคะ (ไม่ผ่านการซื้อจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี)
เรียน คุณจุฑาธิป
1. ถูกต้องแล้ว
2. คงยาก เพราะคุณก็ต้องไปยื่นขอเฉลี่ยหนี้แบบเดียวกับเจ้าหนี้อื่น เว้นแต่คุณจะใช้สิทธิในฐานะผู้จะซื้อ ซื้อบ้านหลังนั้นตามสัญญาที่มีต่อกัน
3. แจ้งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่ายังติดใจขอซื้อบ้านดังกล่าวตามสัญญาที่มีต่อกัน
4. ธนาคารยังไม่ใช่เจ้าของบ้าน จึงไม่มีสิทธิขายให้คุณ ๆ ขืนไปซื้อจากธนาคารก็จะเสียเงินซ้ำสองโดยไม่ได้อะไร
3.