การครอบครองที่ว่างก่อน ปี 2597
เรียนท่านอาจารย์มีชัย
- ตาได้ที่มาโดยการไปจับจองที่รกร้างว่างเปล่า บางส่วนเป็นทุ่งหญ้า บางส่วนเป็นป่าละเมาะ (ก่อนปี 2597) กำหนดเขตโดยการผูกหญ้าว่าของใครถึงตรงไหน ทิศเหนือจรดที่ของใคร ที่ใต้จรดที่ของใคร ซึ่งก็เป็นที่ทราบโดยทั่วไป ไม่มีการทะเลาะกันแต่อย่างใต
- ประมาณปี 2500 ตา ยกที่ดินให้พ่อ (เกิดปี 2476) - ประมาณปี 2517 เจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินได้ออกสำรวจพื้นที่เพื่อออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 พ่อและลูกๆ ของตา ก็ได้เดินนำเจ้าหน้าที่เดินสำรวจเพื่อชี้บอกเขต ซึ่งที่ของพ่อบางส่วนก็เป็นทุ่งนา บางส่วนก็เป็นป่าที่เป็นหัวไร่ปลายนา เจ้าหน้าที่ก็วัดที่หลายๆ แปลง ที่ของพ่อเป็นแปลงสุดท้ายก็ยังไม่เสร็จดีเจ้าหน้าที่ ก็มีการพักเที่ยง เจ้าหน้าที่ก็ขีดเส้นๆ เป็นร่างๆ ไว้แสงว่าที่ตรงที่ขีดเส้นไว้เป็นชื่อของพ่อ แต่ตอนบ่ายก็ไม่ได้กลับเข้ามาวัดอีกครั้ง ซึ่งเมื่อไปดูรูปถ่ายทางอากาศ ที่สำนักงานที่ดิน ก็มีชื่อพ่อชัดเจน และเขียนไว้ด้วยว่า "น่าเดิน" เป็นลายมือนะครับ
- พ่อก็ได้ นส.3 เก็บไว้ และบอกว่าเนื้อที่ 43 ไร่ กว่า ซึ่งพ่อก็คิดว่า เนื้อที่ตรงนั้นมีพื้นที่ 43 ไร่ ตาม นส.3 และก็แสดงการครอบครองที่ตรงนั้นเรื่อยมา และมีการล้อมรั้วลวดหนามไว้หมดแล้ว
- เมื่อประมาณปี 2551 พ่อไปขอรังวัดเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่ดินก็ได้ออกมารังวัด และบอกว่า เนื้อที่ของตาม นส.3 ของพ่อ มีขนาด 43 ไร่ กว่าๆ นั้น ไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่พ่อครอบครองอยู่ ตามที่พ่อเคยพาเจ้าหน้าที่เดินสำรวจในปี 2517 พื้นที่ที่เกินไปกว่านั้นก็มีคนมาคัดค้านว่าไม่ใช่ที่ของพ่อ ซึ่งในแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ ทิศเหนือติดกับที่ดินของพ่ออีกแปลง ทิศตะวันตกติดกับทางสารธารณะและติดที่ว่าง พื้นที่ขาดหายไปทิศเหนือประมาณ เกือบ 100 เมตร (ติดที่ของพ่ออีกแปลง) ไม่มีปัญหาการคัดค้านเพราะมีการทำนา ทิศตะวันตกขาดหายไป 39 เมตร (ทางสาธารณะประโยชน์) ชาวบ้านคัดค้าน เพราะมันเป็นที่ป่าละเมาะ สรุปเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ 15 ไร่
- ทราบในตอนหลังว่า การออกเอกสารสิทธิ์ในทีดินถ้าเนื้อที่เกิน 50 ไร่ เป็นอำนาจของผู้ว่า จึงคิดว่า การที่เจ้าหน้าที่วัดที่ดินของพ่อแล้วเนื้อที่เกิน 50 ไร่ เลยตัดออกให้เหลือแค่ 43 ไร่ กว่า ๆ และเจตนาจะทำเป็น 3 แปลง แต่ติดพักเที่ยงในวันที่เดินสำรวจ แล้วตอนบ่ายไม่ได้เข้ามาทำต่อให้เสร็จ เป็นเหตุให้ปัจจุบัน เกิดปัญหามีผู้มาคัดค้านและอยากได้เนื้อที่ตรงที่เป็นป่าละเมาะให้เป็นที่สาธารณะ ซึ่งต่างก็เป็นคนรุ่นใหม่โดยบอกว่าพื้นที่ตรงนั้นมันเป็นป่าละเมาะ จะมีเจ้าของได้อย่างใร ทั้งที่คนรุ่นเก่าๆ ต่างก็รู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ของพ่อ และที่คนอื่นเองก็มีลักษณะเป็นที่ป่าละเมาะก็มีอยู่หลายแปลง แต่ไม่มีปัญหาเหมือนที่ของพ่อ เพราะบางคนแบ่งที่เป็นหลายแปลงๆ ละไม่เกิน 50 ไร่ ทั้งที่มีเนื้อที่ติดกันและเจ้าของคนเดียวกัน
อยากเรียนถามอาจารย์ ว่า จากปัญหาดังกล่าว พ่อจะต้องทำยังไง ถึงจะไม่เสียสิทธิ์ในที่ดินที่ตัวเองครอบครองมาตั้งนาน และเป็นการครอบครองต่อเนื่องจากตา และมีช่องทางไหนบ้างที่จะออกเอกสารสิทธิ์ได้
ด้วยความนับถือ |