เรียนท่านอาจารย์
สามีอยู่กินกับภรรยา มา หลายปี และมีบุตรด้วยกัน 2 คน ฝ่ายหญิงเป็นภรรยาน้อย โดยไม่ได้สมรสและจัดพิธีการแต่งงาน สามีได้ฟ้องภรรยาว่ายักยอกทรัพย์ ว่าขณะอยู่ด้วยกันสามีได้ซื้อทรัพย์สินเข้ามาในบ้านเพื่อมาใช้ส่วนตัวและใช้ร่วมกัน จากที่อยู่กันมา อยู่ๆเมื่อปี 50 สามีได้ออกไปอยู่ที่อื่นโดยอ้างว่าไปรักษาตัวชั่วคราว (ตามอ้างในคำฟ้อง) (สามีมีภรรยาหลายบ้าน) แต่ยังได้โอนเงินค่าเลี้ยงดูบุตรให้ ตลอดเวลาที่สามีออกไปอยู่ที่อื่น ไม่มีการติดต่อกับภรรยาเลยแต่ไปหาลูกบ้างที่โรงเรียน ต่อมากลางปี 53 ภรรยาได้มีสามีใหม่ และได้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน (ชื่อผู้ซื้อเป็นชื่อภรรยา) โดยฝ่ายสามีเก่าถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย โดยศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ กลางปี 52 โดยที่ทรัพย์สินดังกล่าวมิได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ตั้งแต่ต้นปี 53 ขาดการผ่อนส่งค่างวดบ้าน(สามีเก่าเป็นผู้ผ่อนส่ง) ธนาคารจึงมาทวงหนี้กับฝ่ายภรรยา และภรรยาจึงตกลงขั้นแรกประนอบหนี้ ภรรยาส่งเองเมื่อส่งไม่ไว้อีกจึงตกลงกับแบงค์ดำเนินการขายทรัพย์สินคืนแบงค์ และขณะนี้รอแบงค์อนุมัติเรื่องอยู่ สามีใหม่จึงได้ซื้อบ้านหลังใหม่ และย้ายทรัพย์สินดังกล่าว มาใช้ต่อที่บ้านที่ซื้อใหม่ โดยที่ทรัพย์สินทุกรายการ ยังอยู่ครบ สามีเก่าได้แจ้งว่า มีหลักฐาน การซื้อทรัพย์สิน รู้วัน ขนย้าย วันที่ 25 ต.ค 53 ,27 พ.ย. 53 และ4 ธค.53 แต่ได้ทราบเรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิด วันที่ 1 มีค 54 จึงได้ฟ้องศาล ศาลมีหมายลงวันที่ 22 เมย.54 แจ้งว่า มีภาพถ่ายทรัพย์สิน มีภาพถ่าย ขณะขนย้าย โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาสามีเก่าไม่เคยติดต่อขอทวงทรัพย์สินคืนเลย จึงอยากขอความอนุเคาระห์ถามอาจารย์ว่า
1. บุคคลล้มละลาย มีสิทธิฟ้องร้องคดีอาญาที่เกี่ยวกับทรัพย์สินได้หรือไม่
2.ทรัพย์สินนี้ถือว่า เป็นทรัพย์สินของสามีเก่าหรือไม่ เพราะได้ให้และซื้อเพื่อมาใช้ร่วมกัน (ส่วนใหญ่เป็นทีวี ตู้เย็น แอร์ เครื่องครัว เตรียงนอนตู้ เครื่องใช้ไฟฟ้า โซฟา เเละมีพระ และสร้อยคอทองคำ ) โดยซื้อให้ก่อน ปี 50 และเมื่อปี 52 เมื่อศาลสั่งพิทักษ์แล้ว สามีเก่าไม่ได้แจ้งรายการเหล่านี้ต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์
3.หลักการพิจารณา วันหมดอายุความการฟ้อง ตามวันที่แจ้ง นั้นขาดอายุความการฟ้อง หรือไม่ครับ สามีเก่า แจ้งในคำฟ้องว่า ไม่ได้เเจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีความประสงค์จะดำเนินคดีด้วยตนเอง
1. มีสิทธิ แต่ขั้นตอนการฟ้องร้องการจ้างทนาย อาจต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
2. ถ้าฟังจากที่เล่ามา ก็น่าจะเป็นการให้โดยเสน่หา ของจึงตกเป็นของผู้รับ ๆ เอาไปขายจึงไม่มีความผิด แต่ไม่ได้หมายความว่านอนอยู่กับบ้านเฉย ๆ แล้วศาลจะยกฟ้องให้ ต้องไปสู้คดี
3. จะขาดอายุความหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาได้ไปร้องทุกข์เสียภายในเวลา ๓ เดือนหรือไม่ ไม่ว่าจะฟ้องเองหรือไม่ก็ต้องร้องทุกข์ก่อน