บุกรุกทีละน้อย เป็นเวลานาน
ดิฉันรบกวนเรียนถามค่ะ
ดิฉันซื้อที่นาจากนาย ก. นาย ข. นาย ค. (เป็นพี่น้องกัน ที่นาติดกัน (เรียงตามลำดับค่ะ) โดยที่นาของพวกเขา พ่อแม่แบ่งให้ จากโฉนดผืนใหญ่ ซึ่งมี นาย ง. นาย จ.อีก2 คนเรียงต่อถัดไป) โฉนดระบุจำนวนไว้ชัดเจน แต่ในโฉนดไม่ได้มีหมายเลขของหมุดที่ปักแบ่งเขตกัน (ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องมีหมายเลขหมุด ) ตอนซื้อขายกัน ดิฉันก็ไม่ได้ทำการรังวัดใหม่ คือยินดีซื้อขายตามจำนวนที่ระบุไว้ในโฉนด โดยเมื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์กันเรียบร้อยแล้ว ดิฉันจึงได้ทำการปักเสาปูนระหว่างแปลงนาย ค. (ที่ซื้อ) กับนาย ง.(ไม่ได้ซื้อ) เพราะทราบดีว่าผู้ที่ขายให้เราเขาเป็นคนอย่างไร ซึ่ง ณ.วันปักเสาปูน พ่อของนาย ก-จ เป็นผู้ชี้แนวว่า เขตแดนระหว่างนาย ค.กับ นายง. อยู่ตรงไหน (โดยยึดตามคันานาที่ขั้นแปลงเป็นหลัก) เราก็ตกลงกันทั้งสองฝ่ายตามนั้นแล้วใช้เชือกขึงแล้วปักเสาปูนเป็นแนวตรง แล้วก็ตกลงกันว่าขาดนิด-เกินหน่อย ก็ไม่เป็นไรกัน ยึดถือตามนี้กัน (เพราะไม่มีหมุดปักแบ่งเขตแดนกันเลย มีแต่กระดาษโฉนดขีดแบ่งกันว่าลูกคนนี้เท่าไรๆ) ทั้งสองเรายินยอมปักหลักบนคันนาตลอดแนว รวมถึงส่วนที่ไม่ได้เป็นคันนาด้วย (เป็นเส้นตรง) เป็นอันจบสิ้นทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นดิฉันก็ได้ทำการทำร่องน้ำตลอดแนวที่ได้ทำการฝังเขาปูน โดยถมดินขึ้นมาเป็นคูถนนกล้างประมาณ 4 ม. โดยถมห่างจากเสาปูนของเราเล็กน้อย เพราะเผื่อให้ดินไถลลงไป จะได้ไม่ลงไปในเขตของนาย ง. กะว่าไถลแล้วให้มันอยูในแนวเสาปูนของเรา (ซึ่งตรงนี้แหละค่ะต่อไปจะเป็นประเด็น)
หลังจากนั้นต่อมาดิฉันได้มีโอกาสไปที่ สนง.ที่ดินอำเภอ ถือโฉนดไปปรึกษาถามที่ สนง.ว่าโฉนดนี้ไม่มีเข็มหมุดแบ่งเขตเลยเพราะอะไร (เพราะดิฉันยังข้องใจ ลึก ๆ ก็เกรงจะมีปัญหาภายหลัง) ทาง สนง.ตอบว่า ตอนที่แบ่งโฉนดกันนั้น ทำภาพอากาศ (ซึ่งดิฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ ได้แต่รับฟัง) คือไม่ได้ทำรังวัด แล้วทางสนง.บอกเราว่าถ้าจะต้องการเข็มหมุดที่มีหมายเลขกำกับ ต้องทำรังวัดใหม่ (เราก็เข้าใจแต่ยังไม่ได้ทำจนถึงทุกวันนี้ เพราะเราปัองกันปัญหาโดยการปักเสาปูนตลอดแนวเรียบร้อยแล้ว)
ปัญหามันอยู่ตรงประเด็นนี้ค่ะ ทางนาย ง. ได้ทำการเซาะดินคันนาที่ทำการฝังเสาปูนเป็นเขตกัน จนหมด(โดยสิ้นเชิง) ทำให้เสาปูนของเราเอียงเพราะอีกฝั่งไม่มีดินยึด (ฝั่งเขาทำนา) แล้วบรรดาลูก ๆ ของเขาก็ไปโพนทะนาว่าดิฉันลุกล้ำที่นาของนาย ง.โดยบอกว่าให้ดูเสาปูน ที่เราไปปักในนาเขา (เสาปูนเราห่างจากที่เราถมประมาณครึ่งเมตรที่เราเผื่อว่าอนาคตดินมันจะไถล) ดิฉันเองได้ยินก็ไม่สนใจ ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง เพราะถือว่ามันจบกันตรงที่โอนแล้วและปักเสาปูนเรียบร้อยแล้ว ปัญหาที่ 2 ตามมาก็คือ เขาหว่านข้างจนติดเสาปูน(เพราะเขาเซาะดินฝั่งเขาจนหมดสิ้น)พอถึงเวลาเก็บเกี่ยว เขาใช้รถเกี่ยวข้าว รถเกี่ยวข้าวก็ชนเขาปูนเราแตกร้าว กะเทาะ และบางต้นหัก ปัญหานี้ดิฉันรู้สึกโกรธและไม่ยอม ดิฉันกับสามี จึงไปแจ้งเขาว่า ปัญหาที่เกิดนี้เราไม่พอใจ และกรุณาอย่าให้เกิดปัญหานี้อีก เพราะต่อไปเราจะไม่ยอม ถ้าเสาเรามีปัญหาเราจะให้เขาชดใช้ (เขายอกย้อนว่าเขาไม่ได้ทำ รถเกียวข้าวเป็นคนทำ ดิฉันฟังแล้วก็เลยทำใจ บอกกับตัวเองว่าที่ผ่านไปแล้วชั่งมัน เขาไม่มีการศึกษา แจ้งเขาไปแล้วจะได้ไม่เกิดปัญหาอีก) เรื่องนี้ดิฉันได้ทำการแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้รับทราบปัญหาไว้ พร้อมกับถ่ายรูปเสาที่เกิดปัญหาเอียง แตกร้าว กะเทาะ ไว้เป็นหลักฐาน (ทางผู้ใหญ่เขาก็ได้แต่รับฟัง ไม่ได้ดำเนินการเรียก นาย ง.มาคุย) เราก็จบไป ถือว่าแจ้งด้วยปากเราแล้วทั้งตัวเขา ผู้ใหญ่บ้าน
ไม่จบค่ะ นายง. ยังสร้างปัญหาต่อโดย เซาะดินที่เป็นคันนาส่วนที่อยู่ในฝั่งเรา (เพราะถ้ามองด้วยสายตาแล้วเหมือนกับเสาปูนของเราไปปักในพื้นนาของเขา ) แล้วหว่านข้าวมาในเขตของเราซึ่งมองด้วยสายตามันชัดเจนค่ะ เพราะเสาเป็นแนวตรงดิ๊กเลยค่ะ มองไปจะเห็นข้าวมันมาอยู่ในแนวเขตของเรา ดิฉันเองก็ไม่อยากจะมีปัญหามากมาย เพราะตัวเราไม่ได้อยู่ที่นั่น มีแต่แม่แก่แล้วกับพี่ชาย เราก็เกรงเรื่องความปลอดภัยของแม่เป็นหลัก เราเองก็ได้แต่ไปดู.. เห็น...มองปริบ ๆ แล้วก็เครียด กำลังคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร จะไปถมดินให้มันถึงเขตเสาปูนก็คงต้องใช้แผ่นปูนวางกั้น แล้วจะวางฝั่งไหน ถ้าวางในฝั่งเรา ในอนาคต เสาปูนเรา เขาต้องเอาไปแน่ ๆ เลย ถ้าจะวางแนบเสาปูนโดยให้เสาปูนอยู่ในเขตเรา เขาก็คงจะตุกติก (จริง แล้ว เราปักเสาปูนในเขตพื้นที่ของเรา ตอนที่พ่อนาย ง.เป็นผู้ชี้เขตแตนให้เรา)
รบกวนเรียนถาม อาจารย์ค่ะ ว่าดิฉันควรจะหาทางออกอย่าไรดีค่ะ ถึงจะได้ไม่เกิดปัญหามากมาย อยากออมชอมค่ะ ไม่อยากมีปัญหาอะไรทั้งสิ้นค่ะ แต่ดิฉันเครียดค่ะ เพราะนาย ง. เคยพูดว่าครอบครองเกิน 10 ปีก็ถือว่าเป็นของเขาได้
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ รบกวนขอคำแนะนำให้ด้วยนะค่ะ
|