เรียน อ.มีชัย
พี่สาวดิฉันได้ไปค้ำประกันลูก ซึ่งกู้เงินบริษัท ในขณะนั้นลูกได้บอกกับพี่สาวว่าต้องการกู้เงิน จำนวน 50,000.-บาท และได้นำเอกสารมาให้พี่สาวเซ็น พี่สาวจึงได้เซ็นชื่อผู้ค้ำประกันไปอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้เป็นผู้เขียนรายละเอียดและจำนวนเงินกู้ลงในเอกสารแต่อย่างใด ต่อมาลูกสาวมีปัญหาและได้ลาออกจากงาน ทางบริษัทได้ส่งเรื่องมาหาพี่สาวในฐานะผู้ค้ำประกันและให้เซ็นชื่อยอมรับสภาพหนี้ โดยให้พี่สาวส่งชำระหนี้รายเดือน เป็นเวลา 3 ปี พี่สาวเห็นจำนวนเงิน แล้วตกใจว่าจำนวนเงินกู้ไม่ใช่ 50,000.- บาท แต่เป็น 150,000.- บาท จึงได้ถามไปยังบริษัท ทางบริษัทยืนยันว่าได้กู้เงิน 150,000.- ตามที่เขียนลงในเอกสารการกู้เงินจริง พี่สาวจึงคิดได้ว่า ลูกสาวคงเป็นผู้เขียนจำนวนเงินกู้เพิ่ม โดยเติมเลข 1 ข้างหน้าไป แต่พี่สาวไม่มีเงินที่จะชำระให้กับบริษัทได้ จึงไม่เซ็นเอกสารยอมรับสภาพหนี้ อยากเรียนถามอาจารย์ว่า
1. พี่สาวไม่เซ็นยอมรับสภาพหนี้ได้หรือไม่ และจะมีผลอย่างไรถ้าไม่เซ็น
2. หากยอมให้ทางบริษัทฟ้อง และพี่สาวไม่มีเงินที่จะชำระหนี้ คดีนี้สามารถยึดทรัพย์อื่น ๆ เช่น บ้านที่อยู่อาศัย หรือที่ดิน ที่พี่สาวเป็นเจ้าของได้หรือไม่
3. หากมีผลกับทรัพย์สินอื่น ๆ พี่สาวสามารถยกทรัพย์สินที่มีอยู่ให้กับลูกอีกคนก่อนถูกฟ้องได้หรือไม่
เรียน คุณดวงตา
1. ถ้าไม่เซ็นชื่อรับสภาพหนี้ตามที่เขาผ่อนผันให้ เขาก็ฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ทั้งหมดทันที และถ้าแพ้คดีแล้วไม่ชำระ เขาก็มายึดทรัพย์สินบ้านช่องไปขายทอดตลาด
2. เขายึดได้ทั้งนั้นแหละ
3. ก็อาจกลายเป็นความผิดอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ได้ และในกรณีเช่นนั้น เจ้าหนี้เขาก็เพิกถอนการโอนได้