ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    040859 สามารถทำอะไรได้บ้างคะลูกที่สงสารแม่29 มิถุนายน 2553

    คำถาม
    สามารถทำอะไรได้บ้างคะ

      คือแม่หนูนั้นเป็นลูกคนโต และมีพี่น้องอีก 4 คน เสียชีวิตไปหนึ่งคน และคุณตากับคุณยายเค้าได้แบ่งที่ให้กับลูกทั้ง 4 คน รวมแม่หนูด้วยไปแล้วเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว   และแม่หนูมีที่ดินที่จับจองมาเป็นของตัวเอง 1 แปลง โดยสมัยก่อนคุณตาเป็นคนชี้ให้ถางและแนะนำให้จับจองที่แปลงนั้นโดยที่แปลงนั้นประมาณ 4 ไร่ เป็นที่ไม่ใบอยู่ติดกับเขตสวนป่าสักของป่าสวนแห่งชาติ  แต่ตอนนี้เมื่อประมาณต้นปี  คุณตาก็เอาไปขายโดยรวมกับที่ดินของคุณตาเองอีกที่อยู่ติด ๆ กัน เป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท และพอแม่หนูรู้เรื่องเค้าก็บอกว่าเป็นที่ของเค้าใคร ๆ ก็รู้ ตั้งแต่มีเรื่องงกันเรื่องที่ที่เอาไปขายว่าแม่จะไม่ยอมจะโวยวายคุณตาเค้าก็เริ่มยึดทุกอย่างที่แบ่งแล้วคืน  เพราะตอนนั้นแม่ได้เข้ามาอยู่และทำงานในกรุงเทพนานมากโดยไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านเลย  เค้าก็บอกว่าที่มันไม่มีใบใครครอบครองคนสุดท้ายหรือล่าสุดมีสิทธิ์(แต่คุณตาเค้าก็ไม่เคยทำสวนหรือปลูกอะไรทั้งนั้น)  แต่แม่ก็ได้ให้อื่นเช่าที่ดินนั้นตลอดมา  แต่ชาวบ้านสวนใหญ่ไม่กล้าเป็นพยานให้แม่ไม่ทราบเพราะอะไร  และตอนนี้ที่  ที่แบ่งให้นั้นก็มีเป็นที่ปลูกบ้านอยู่สมัยก่อนที่แม่จะไปทำงานที่กรุงเทพ  แต่น้าสาวก็แอบเอาบ้านไปขายโดยไม่ทราบมาก่อน  พอกลับมาอีกทีบ้านไม่มีแล้ว  คุณตาเค้าก็บอกว่าบ้านมันไม่มีอยู่ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินนั้น ส่วนที่ดินที่ปลูกบ้านนั้นมันเป็นแปลงเดียวกันกับบ้านของตาคือมีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ น้าชายที่ตายไปเป็นเจ้าของเดิมเป็นไป ส.ท.ก. แต่รัฐเรียกเก็บคืนไปแล้วเมื่อหลาย  10  ปี  ก่อน ตอนนี้ที่ดินผืนนี้ก็ยังไม่มีใบอะไรเลย  และตอนนั้นน้าชายที่ตายไปเค้าแบ่งให้แม่ครึ่งนึงคือที่ดิน 2 งาน ที่ปลูกบ้านและน้าสาวแอบเอาไปขายคะ คือตอนนี้มีแต่โองน้ำใบใหญ่ ๆ ที่ก่อฐานกับพื้นที่ไว้สำหรับเก็บน้ำฝนเหลือ 1 ใบ ส่วนบ้านไม่มีแล้ว  ทางส.ป.ก.เค้าบอกจะออกโฉนดชุมชนให้แต่ไปสอบถามมาเค้าก็บอกแผนงานมันเลื่อน ปี นี้ก็อาจจะยังไม่สามารถออกให้ได้ 

            ส่วนคุณตานั้นไม่เคยอยู่บ้านหลังปัจจุบันเลยเพราะเค้ารับจ้างดูแลสวนที่อยู่ลึกเข้าไปของหมู่บ้านที่นั่นเป็นสวนลิ้นจี่เค้ามีบ้านให้อยู่ดูแลสวนด้วย  คุณตาอยู่มาตั้งแต่ พ.ศ.2530  และไม่เคยอออกมาอยู่เลย มีแต่แวะมาบ้างเท่านั้น  แล้วบ้านหลังที่ติดกับบ้านเก่าของแม่หนูมันอยู่ในที่ดินผืนเดียวกันที่ตอนนี้คุณตาเค้าจะรวมเป็นผืนเดียวกันคือไม่แบ่งให้แม่เพราะน้าที่ตายไปเค้าแบ่งให้แต่ไม่ได้ลงลายลักษณ์อักษรอะไรคือบอกให้แล้วก็ให้ปลูกบ้านอยู่เลย  แต่น้าคนที่ 4 ดันเอาไปขายโดยไม่มีใครคิดที่จะบอกแม้แต่คุณตาคุณยายเค้าก็ไม่ยอมบอกแม่คือรวมหัวกันว่างั้นค่ะ  และหลังจากที่ตาไม่ได้อยู่ที่บ้านของคุณตาเลย(ในทะเบียนบ้านคุณตาเป็นเจ้าบ้าน) ก็ให้น้าสาวคนที่เอาบ้านแม่ไปขายดูแลอยู่มาตลอด  และน้าคนนี้ก็ได้ย้ายไปปลูกบ้านอยู่เองเมื่อประมาณปี 2543  และตั้งแต่ที่น้าเค้าย้ายไปปลูกบ้านพี่ชายของหนูก็อยู่มาตลอดเพราะยังไม่ได้ปลูกบ้านในที่เดิมรั้วก็ไม่ได้ล้อมแบ่งครึ่งเพราะคิดว่าคงไม่เป็นไรญาติผู้ใหญ่เราทั้งนั้นแม่ก็ไม่คิดว่าพ่อตัวเองจะทำแบบนี้ได้ลง  คือแม่เป็นลูกคนเดียวที่จะไม่ได้อะไรเลยเพราะพี่น้องที่เหลือ 3 คนรวมหัวกันกับตาให้เอาคืนให้หมดเพราะน้า ๆ พวกนั้นมีที่ก็มักจะเอาไปขายและพอไม่มีที่ก็ให้ตามาบีบเอาของแม่คืนเพระเค้าบอกแบ่งปากเปล่าไม่มีหลักฐานเพราะฉะนั้นแม่ก็ไม่มีสิทธิ์  และกำนันตอนแรกก็บอกจะยืนยันให้ว่าที่ตรงนั้นแม่เคยปลูกบ้านมาก่อน  แต่พอแม่ 2-3 วันก่อนก็กลับคำบอกเค้าเป็นกำนันมีสิทธิ์มีอำนาจจะบอกให้เป็นของใครก็ได้  ไม่เข้าใจว่าเพราะผลประโยชน์อะไรหรือเปล่าที่ทำให้กำนันถึงไม่มีความยุติธรรม  ตอนนี้แม่หนูเครียดมาก  พาไปหาหมอประเมินแล้วเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง  เพราะวัน ๆ นึงแม่เค้าเสียใจว่าพอไม่รัก  โลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรม  ไม่อยากจะอยู่แล้ว  พยายามจะฆ่าตัวตายวันละหลายครั้งจะต้องดูแลใกล้ชิดตลอดเผลอไม่ได้เลยค่ะเพราะเผลอเมื่อไหร่ทำเมื่อนั้น  มีครั้งนึงกินยาฆาตัวตายเกือบช่วยไม่ทันดีที่ยาไม่แรงเท่าไหร่คะ  หนูไม่อยากให้แม่เป็นแบบนี้เลย  หนูเลยอยากรู้มีทางไหนที่จะช่วยแม่หนูได้บ้าง  ช่วยกรุณาแนะนำหนูหน่อยเถอะคะไม่งั้นหนูคงต้องเห็นแม่หนูทุกข์  หรือไม่อาจจะเห็นแม่ตายต่อหน้าหนูก็ได้  หนูไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย  หนูรักแม่มากแต่หนูก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลย  บอกหนูทีเถอะคะว่าหนูจะทำอย่างไรดี  ขอขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าเลยนะคะ

    ด้วยความเคารพค่ะ

    1.  หนูอยากรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีเป็นอันดับแรก

    2.  หนูอยากรู้ว่าพี่ชายหนูและแม่มีสิทธิ์ในที่ดินนั้นไหมเพราะพี่ชายหนูเค้าอยู่ในบ้านและที่ดินผืนนั้นมาเกือบ 10 แล้ว พี่หนูเค้าเก็บและถางหญ้าทำให้ไม่รกดูแลอยู่ตลอดเลยค่ะ (ที่บ้านนะคะ)

    3. แล้วที่บ้านเดิมเป็นของน้าชายที่ตายไปแต่โดนเรียกเก็บใบคืนหมดเป็นที่ไม่มีใบอะไรเลย (เพราะเดิมเป็นเขตป่าสวนแห่งชาติ  แต่ตอนนี้แทงเป็นที่ดินเสื่อมโทรมเพื่อให้ชาวบ้านทำเกษตรกรรม  แต่พื้นที่เกือบทั้งหมดหมู่บ้านไม่มีใบอะไรเลย  ยกเว้นไม่กี่แปลงเท่านั้นที่มีใบ)

    4.  แล้วแม่หนูจะสามารถเรียกร้องหรือทำอะไรได้บ้างคะหรือไม่ได้เลย

    คำตอบ
    เท่าที่จับใจความได้ ที่ดินที่พูดถึงนี้น่าจะเป็นที่ดินของรัฐ แต่อาศัยทำกินกันเรื่อยมา  เพราะฉะนั้นโดยกฎหมายแล้วจึงไม่มีใครมีกรรมสิทธิ ถึงได้มาก็คงได้เป็นเพียงที่ทำกินไปเท่านั้น การที่แม่คุณเป็นทุกข์อยู่นั้นก็เพราะไปติดยึดว่าที่ดินนั้นเป็นของตน  ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้อยู่หรืออาศัยทำกินให้เป็นกอบเป็นกำอะไร เพราะมีช่องทางทำมาหากินอยู่ที่อื่นแล้ว  ถ้าตัดใจเสีย ว่าเมื่อไม่ใช่ของเราก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์มัน ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวไป วันหนึ่งข้างหน้าก็จะรุ่งเรืองได้ ส่วนที่ดินที่เป็นปัญหานั้นวันหนึ่งข้างหน้าก็คงตกเป็นของคนอื่นจนหมด ถึงคนที่ได้ไปเอาไปขาย เงินที่ได้มาไม่ช้าก็หมดจนได้   สู้ไปทำมาหากิน เก็บเงินไว้ไปซื้อหาที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นเจ้าของได้ จะไม่ดีกว่าหรือ  ส่วนพี่ชายคุณนั้นเมื่อโตแล้วและยังอาศัยอยู่ในที่ดินนั้น เขาก็ต้องไปต่อสู้กับคนเหล่านั้นต่อไปตามลำพังเอง  ถ้าคิดได้อย่างนี้แล้ว ชีวิตก็จะมีความสุขขึ้น มีกำลังพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวต่อไปในวันข้างหน้าได้
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    29 มิถุนายน 2553