ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    041819 คดีแพ่งและคดีอาญาวรรณ7 กันยายน 2553

    คำถาม
    คดีแพ่งและคดีอาญา

    ดิฉันได้รับหมายศาลแล้วเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง ซึ่งสองคดีนี้สืบเนื่องกันโดยที่โจทย์ฟ้องมาว่าดิฉันได้กู้เงินแล้วไม่ชำระ หนี้จึงมีความจำเป็นต้องเอาเช็คที่ดิฉันได้เซ็นค้ำไว้นั้นไปขึ้นเงิน แต่ไม่ได้เงินเพราะธนาคารปฏิเสธการสั่งจ่ายเช็คโดยระบุว่า  มีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ซึ่งเป็นเพราะดิฉันไม่มีเงินจ่ายให้ทางโจทย์ แล้วได้ทำการปิดบัญชีดังกล่าวแล้วด้วย ซึ่งดิฉันเรียนให้ทราบว่าดิฉันเข้าใจว่าดิฉันเป็นแค่คนค้ำประกันให้ เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนกู้เงินแต่ตอนที่ดิฉันได้หมายคดีแพ่งนั้นดิฉันได้เห็นสัญญาเงิน กู้ซึ่งดิฉันสงสัยว่าลายเซ้นทีี่เซ็นในสัญญาเงินกู้ไม่ใช่ลายมือของดิฉัน แล้ววันที่ที่ลงในวันที่กู้เงินนั้นเป็นวันที่  18/10/2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ดิฉันและเพื่อนเริ่มมีปัญหาทะเลาะกันแล้วช่วงนั้นดิฉันกำลัง จะเตรียมงานแต่งงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าดิฉันจะไปกู้เงินให้เพื่อน พอดิฉันสอบถามไปยังเพื่อนว่าปลอมลายเซ้นดิฉันหรือเปล่ากลับได้รับคำตอบว่าขอ ดูเอกสารก่อน ซึ่งทำให้ดิฉันงงมากว่าตกลงเพื่อนปลอมลายเซ้นของดิฉันหรือเปล่า พอดิฉันโทรไปอีกเค้าก็ไม่ยอมพูดเรื่องลายเซ้นกับดิฉันอีกเลย  ส่วนในหมายอาญานั้นที่ดิฉันบอกว่าเป็นคนเซ็นเช็คค้ำประกันเพื่อนนั้นเป็นลาย มือของดิฉันจริง เลยทำให้ดิฉันโดนฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งโดยคดีแพ่งฟ้องวันที่  12/10/2553  ส่วนคดีอาญาฟ้องวันที่  18/10/2553 จำนวนเงินที่ฟ้องแพ่งมาจำนวน 169,700 บาท ซึ่งเงินต้นจำนวน 150,000  บาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ย ดิฉันคิดว่าเพื่อนคงไม่มีปัญญาหามาได้แน่นอนเลยถ้าหาได้ก็คงแค่ 150,000 บาทหรือน้อยกว่านั้น ส่วนคดีอาญาก็ฟ้องเป็นเช็คจำนวน 150,000 บาทที่ดิฉันได้เซ็นไว้ ตอนนี้เพื่อนของดิฉันกำลังโดนฟ้องคดีเช็คเป็นจำนวนเงิน พร้อมดอกเบี้ยงจำนวน  1,200,000  บาท ซึ่งเพื่อนของดิฉันได้เซ็นเช็คไว้เป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท  ดิฉันอยากจะถอนการค้ำประกันของเพื่อนคนนี้ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนเงิน 1,200,000 บาทด้วย ไม่ทราบว่าจะทำได้ไหม เพราะทางโจทย์บอกว่าถ้านำเงิน 150,000 บาทมาใช้หนี้ซึ่งเป็นหนี้ที่ดิฉันเข้าใจว่าดิฉันเป็นคนค้ำประกันแล้วกลายเป็นคนกู้เงินนั้น แล้วจึงจะถอนฟ้องแล้วเปลี่ยนตัวคนค้ำประกันให้โดยที่เพื่อนของดิฉันให้แม่ของเค้าเป็นคนค้ำประกันแทนเค้า  แต่ดิฉันกลัวทางโจทย์จะเบี้ยวเพราะตอนแรกคุยกันไว้ว่าได้เงิน 50,000 บาท แล้วจะเปลี่ยนค้ำประกันให้พอเอาเข้าจริง ๆ กลับกลายเป็นว่าต้องใช้หนี้ที่ดิฉันเป็นคนกู้ทั้งหมดถึงจะเปลี่ยนคนค้ำประกันให้

    ดิฉันจะทำอย่างไรดี ช่วยตอบด้วยนะค่ะ

    1.ดิฉันไม่อยากไปขึ้นศาลเพราะดิฉันกำลังท้องใกล้จะคลอดเดือนตุลาคมนี้ แล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งดิฉันไม่ได้เป็นคนนำเงินมาใช้เองมีทางไหนบ้างไหมที่เพื่อน ดิฉันจะเป็นคนรับปัญหานี้แทนดิฉัน

    2.ดิฉันได้บอกเพื่อนแล้วนำหมายไปให้แม่เพื่อนแล้วเพื่อนดิฉันรับปากว่าจะ นำเงินมาใช้หนี้ให้ดิฉันภายในวันที่  20/9/2553 นี้แต่ดิฉันยังมองไม่เห็นทางที่เพื่อนจะหาเงินจำนวนนี้มาใช้หนี้ให้ได้เลย เพราะเพื่อนจะให้ดิฉันไปกู้เงินมาแล้วเค้าจะเป็นคนค้ำประกัน ซึ่งเป็นทางออกที่ไม่เข้าท่าเลย

    3.พอจะมีทางออกไหนบ้างที่ดิฉันจะหลุดพ้นจากคดีนี้ โดยที่ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้วก็อยากจะถอนค้ำประกันเพื่อนคนนี้ด้วย เพราะเคยไปคุยกับทางโจทย์เค้าบอกว่าถ้าหาเงินมา 150,000  บาทก็จะถอนฟ้องให้และเปลี่ยนคนค้ำประกันให้โดยให้แม่ของเพื่อนดิฉันเป็นคน ค้ำประกันแทนดิฉันเอง  พอจะมีทางไหนบ้างค่ะ

    4.ดิฉันมีรถซึ่งกำลังโอนเป็นชื่อของน้องชายซึ่งเสร็จก่อนวันที่ขึ้นศาลแน่นอน แต่บ้านที่เป็นชื่อของดิฉันนั้นยังติดจำนองธนาคารอยู่อีก  5  ปี ไม่ทราบว่าทางโจทย์จะสามารถมายึดบ้านของดิฉันทั้งที่ยังติดจำนองอยู่ได้หรือเปล่า หรือมีวิธีไหนบ้างที่จะไม่ให้โจทย์ยึดบ้านของดิฉันไปได้

    5.ถ้าเกิดขึ้นศาลแล้วพิสูจน์ได้ว่าลายมือไม่ใช่ดิฉันหรือเพื่อนดิฉันยอมรับผิดว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นดิฉัน ดิฉันจะพ้นผิดทั้งสองคดีหรือเปล่า แล้วดิฉันจะขอให้ศาลสั่งให้เปลี่ยนคนค้ำประกันดิฉันได้ไหม เพราะดิฉันไม่ไว้ใจในพฤติกรรมของเพื่อนแล้วเนื่องจากเป็นคนปลอมลายเซ็นของดิฉัน ศาลจะสั่งทางโจทย์ได้ไหมค่ะ

    ช่วยตอบคำถามที่อับจนหนทางจริง ๆ ค่ะ เพราะเงินทุกบาทที่ดิฉันได้กู้แทนเพื่อนไปนั้นเพื่อนของดิฉันเป็นคนนำไปใช้ไม่ใช้ดิฉันซึ่งทางโจทย์รู้ดีมาโดยตลอด แล้วดิฉันคิดว่ายังถูกปลอมลายเซ็นอีก ว่าจากคนค้ำประกันกลายเป็นคนกู้ได้ยังไง ซึ่งดิฉันได้มาเปรียบเทียบดูแล้วว่ามันไม่ใช่ ดิฉันไม่ได้โกงแต่ดิฉันไม่ได้เป็นคนใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งดิฉันคิดว่ามันไม่เป็นธรรมกับดิฉันที่จากคนค้ำประกันกลายเป็นคนกู้เงินไป

    ขอให้ช่วยตอบด้วยนะค่ะ สับสนกับชีวิตมากแล้วตอนนี้กำลังท้องใกล้คลอดแล้วด้วยค่ะ

    คำตอบ

    1. ถ้าคุณได้ค้ำประกันเขาจริง หนี้นั้นก็มาตกอยู่ที่คุณ จนกว่าจะชำระหนี้หมด  เมื่อถูกฟ้องศาลแล้วไม่อยากไปศาล ก็มีทางเดียว คือยอมทำใจเสียให้ได้ว่า เขาฟ้องกี่แสนก็ยอมชำระให้เท่านั้น เพราะถ้าคุณไม่ไปสู้คดีที่ศาล ศาลก็ฟังพยานจากเขาฝ่ายเดียว เขาฟ้องและเอาหลักฐานไปแสดงว่าคุณกู้เงินไปเท่าไร ศาลก็ตัดสินให้คุณชำระเท่านั้น  เมื่อศาลตัดสินแล้วเขาก็มาบังคับเอาบ้านช่องไปขาย ถ้าทำใจได้เช่นนั้น ก็ไม่ต้องไปศาลก็ได้

    2. ใช่แล้วที่ว่าเป็นทางออกไม่เข้าท่า เพราะแทนที่จะเป็นหนี้รายเดียว คุณเลยมีเจ้าหนี้สองราย หนักเข้าไปอีก

    3. ถ้าคุณเอาเงินไปชำระหนี้เขาตามจำนวนที่กู้มา หนี้นั้นก็หมดไป โดยไม่ต้องไปหาใครมาค้ำประกันอะไรกันอีก

    4. วิธีที่จะไม่ให้เขามายึดบ้าน ก็คือต้องไปสู้คดี หรือหาเงินไปชำระเขาตามที่เขาเรียกร้อง

    5. การจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ลายมือของคุณนั้น ไม่ใช่อยู่ ๆ คุณจะไปพิสูจน์ได้ คุณต้องไปยื่นคำให้การตั้งประเด็นไว้ว่าลายมือชื่อนั้นปลอม แล้วจึงจะมีสิทธิดำเนินการพิสูจน์ และถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่าเป็นลายมือปลอม คุณก็ไม่ต้องรับผิดตามหนังสือกู้เงินนั้น แต่ถ้าคุณยังไปลงชื่อค้ำประกันเขาไว้ด้วย ก็ยังคงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันอยู่นั่นเอง

        จากคำถามที่เล่ามา แสดงว่าคุณขาดความเข้าใจในกฎหมาย แต่ก็เหมือนคนไทยทั่ว ๆ ไป คือทำอะไร ๆ ที่นึกว่าจะเป็นหลีกเลี่ยงกฎหมายได้ ยิ่งทำก็จะยิ่งผูกพันตัวเองยิ่งขึ้น  ตัวอย่างที่คุณเล่ามาว่าซื้อรถแล้วกำลังโอนให้น้องชาย เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าคุณไม่รู้ว่ากฎหมายกำหนดอย่างไร แต่ก็นึกเอาว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะหลบพ้นจากการที่ต้องชำระหนี้   แม้แต่การจ่ายเช็คโดยไม่มีเงินซึ่งกำลังถูกฟ้องคดีอาญาอยู่ คุณก็คงนึกว่า เป็นเรื่องเล็ก ๆ   จึงขอแนะนำว่า ควรหาทนายความเป็นอย่างยิ่ง


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    7 กันยายน 2553