คดีแพ่งและคดีอาญา
ดิฉันได้รับหมายศาลแล้วเป็นคดีอาญา และคดีแพ่ง ซึ่งสองคดีนี้สืบเนื่องกันโดยที่โจทย์ฟ้องมาว่าดิฉันได้กู้เงินแล้วไม่ชำระ หนี้จึงมีความจำเป็นต้องเอาเช็คที่ดิฉันได้เซ็นค้ำไว้นั้นไปขึ้นเงิน แต่ไม่ได้เงินเพราะธนาคารปฏิเสธการสั่งจ่ายเช็คโดยระบุว่า มีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ซึ่งเป็นเพราะดิฉันไม่มีเงินจ่ายให้ทางโจทย์ แล้วได้ทำการปิดบัญชีดังกล่าวแล้วด้วย ซึ่งดิฉันเรียนให้ทราบว่าดิฉันเข้าใจว่าดิฉันเป็นแค่คนค้ำประกันให้ เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนกู้เงินแต่ตอนที่ดิฉันได้หมายคดีแพ่งนั้นดิฉันได้เห็นสัญญาเงิน กู้ซึ่งดิฉันสงสัยว่าลายเซ้นทีี่เซ็นในสัญญาเงินกู้ไม่ใช่ลายมือของดิฉัน แล้ววันที่ที่ลงในวันที่กู้เงินนั้นเป็นวันที่ 18/10/2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ดิฉันและเพื่อนเริ่มมีปัญหาทะเลาะกันแล้วช่วงนั้นดิฉันกำลัง จะเตรียมงานแต่งงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าดิฉันจะไปกู้เงินให้เพื่อน พอดิฉันสอบถามไปยังเพื่อนว่าปลอมลายเซ้นดิฉันหรือเปล่ากลับได้รับคำตอบว่าขอ ดูเอกสารก่อน ซึ่งทำให้ดิฉันงงมากว่าตกลงเพื่อนปลอมลายเซ้นของดิฉันหรือเปล่า พอดิฉันโทรไปอีกเค้าก็ไม่ยอมพูดเรื่องลายเซ้นกับดิฉันอีกเลย ส่วนในหมายอาญานั้นที่ดิฉันบอกว่าเป็นคนเซ็นเช็คค้ำประกันเพื่อนนั้นเป็นลาย มือของดิฉันจริง เลยทำให้ดิฉันโดนฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งโดยคดีแพ่งฟ้องวันที่ 12/10/2553 ส่วนคดีอาญาฟ้องวันที่ 18/10/2553 จำนวนเงินที่ฟ้องแพ่งมาจำนวน 169,700 บาท ซึ่งเงินต้นจำนวน 150,000 บาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ย ดิฉันคิดว่าเพื่อนคงไม่มีปัญญาหามาได้แน่นอนเลยถ้าหาได้ก็คงแค่ 150,000 บาทหรือน้อยกว่านั้น ส่วนคดีอาญาก็ฟ้องเป็นเช็คจำนวน 150,000 บาทที่ดิฉันได้เซ็นไว้ ตอนนี้เพื่อนของดิฉันกำลังโดนฟ้องคดีเช็คเป็นจำนวนเงิน พร้อมดอกเบี้ยงจำนวน 1,200,000 บาท ซึ่งเพื่อนของดิฉันได้เซ็นเช็คไว้เป็นจำนวนเงินหลายแสนบาท ดิฉันอยากจะถอนการค้ำประกันของเพื่อนคนนี้ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนเงิน 1,200,000 บาทด้วย ไม่ทราบว่าจะทำได้ไหม เพราะทางโจทย์บอกว่าถ้านำเงิน 150,000 บาทมาใช้หนี้ซึ่งเป็นหนี้ที่ดิฉันเข้าใจว่าดิฉันเป็นคนค้ำประกันแล้วกลายเป็นคนกู้เงินนั้น แล้วจึงจะถอนฟ้องแล้วเปลี่ยนตัวคนค้ำประกันให้โดยที่เพื่อนของดิฉันให้แม่ของเค้าเป็นคนค้ำประกันแทนเค้า แต่ดิฉันกลัวทางโจทย์จะเบี้ยวเพราะตอนแรกคุยกันไว้ว่าได้เงิน 50,000 บาท แล้วจะเปลี่ยนค้ำประกันให้พอเอาเข้าจริง ๆ กลับกลายเป็นว่าต้องใช้หนี้ที่ดิฉันเป็นคนกู้ทั้งหมดถึงจะเปลี่ยนคนค้ำประกันให้
ดิฉันจะทำอย่างไรดี ช่วยตอบด้วยนะค่ะ
1.ดิฉันไม่อยากไปขึ้นศาลเพราะดิฉันกำลังท้องใกล้จะคลอดเดือนตุลาคมนี้ แล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งดิฉันไม่ได้เป็นคนนำเงินมาใช้เองมีทางไหนบ้างไหมที่เพื่อน ดิฉันจะเป็นคนรับปัญหานี้แทนดิฉัน
2.ดิฉันได้บอกเพื่อนแล้วนำหมายไปให้แม่เพื่อนแล้วเพื่อนดิฉันรับปากว่าจะ นำเงินมาใช้หนี้ให้ดิฉันภายในวันที่ 20/9/2553 นี้แต่ดิฉันยังมองไม่เห็นทางที่เพื่อนจะหาเงินจำนวนนี้มาใช้หนี้ให้ได้เลย เพราะเพื่อนจะให้ดิฉันไปกู้เงินมาแล้วเค้าจะเป็นคนค้ำประกัน ซึ่งเป็นทางออกที่ไม่เข้าท่าเลย
3.พอจะมีทางออกไหนบ้างที่ดิฉันจะหลุดพ้นจากคดีนี้ โดยที่ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรแล้วก็อยากจะถอนค้ำประกันเพื่อนคนนี้ด้วย เพราะเคยไปคุยกับทางโจทย์เค้าบอกว่าถ้าหาเงินมา 150,000 บาทก็จะถอนฟ้องให้และเปลี่ยนคนค้ำประกันให้โดยให้แม่ของเพื่อนดิฉันเป็นคน ค้ำประกันแทนดิฉันเอง พอจะมีทางไหนบ้างค่ะ
4.ดิฉันมีรถซึ่งกำลังโอนเป็นชื่อของน้องชายซึ่งเสร็จก่อนวันที่ขึ้นศาลแน่นอน แต่บ้านที่เป็นชื่อของดิฉันนั้นยังติดจำนองธนาคารอยู่อีก 5 ปี ไม่ทราบว่าทางโจทย์จะสามารถมายึดบ้านของดิฉันทั้งที่ยังติดจำนองอยู่ได้หรือเปล่า หรือมีวิธีไหนบ้างที่จะไม่ให้โจทย์ยึดบ้านของดิฉันไปได้
5.ถ้าเกิดขึ้นศาลแล้วพิสูจน์ได้ว่าลายมือไม่ใช่ดิฉันหรือเพื่อนดิฉันยอมรับผิดว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นดิฉัน ดิฉันจะพ้นผิดทั้งสองคดีหรือเปล่า แล้วดิฉันจะขอให้ศาลสั่งให้เปลี่ยนคนค้ำประกันดิฉันได้ไหม เพราะดิฉันไม่ไว้ใจในพฤติกรรมของเพื่อนแล้วเนื่องจากเป็นคนปลอมลายเซ็นของดิฉัน ศาลจะสั่งทางโจทย์ได้ไหมค่ะ
ช่วยตอบคำถามที่อับจนหนทางจริง ๆ ค่ะ เพราะเงินทุกบาทที่ดิฉันได้กู้แทนเพื่อนไปนั้นเพื่อนของดิฉันเป็นคนนำไปใช้ไม่ใช้ดิฉันซึ่งทางโจทย์รู้ดีมาโดยตลอด แล้วดิฉันคิดว่ายังถูกปลอมลายเซ็นอีก ว่าจากคนค้ำประกันกลายเป็นคนกู้ได้ยังไง ซึ่งดิฉันได้มาเปรียบเทียบดูแล้วว่ามันไม่ใช่ ดิฉันไม่ได้โกงแต่ดิฉันไม่ได้เป็นคนใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งดิฉันคิดว่ามันไม่เป็นธรรมกับดิฉันที่จากคนค้ำประกันกลายเป็นคนกู้เงินไป
ขอให้ช่วยตอบด้วยนะค่ะ สับสนกับชีวิตมากแล้วตอนนี้กำลังท้องใกล้คลอดแล้วด้วยค่ะ |