เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพค่ะ

ดิฉันมีเรื่องขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ

ตอนนี้เดือดร้อนมากค่ะ พี่สาวของดิฉันได้ไปค้ำประกันรถยนต์ให้เพื่อนคนนึง แต่เพื่อนหนีไปพร้อมกับรถและไม่ส่งค่างวดรถ เจ้าหนี้บริษัทไฟแนนซ์จึงฟ้องศาลให้พี่สาวที่เป็นคนค้ำประกันชำระเงินให้เป็นจำนวน 100,000บาทเมื่อปี 2553 แต่พี่สาวพยายามชี้แจงต่อศาลว่าไม่ได้เอารถไปและไม่สามารถชำระได้ ขอให้ผ่อนผันให้ ณ ตอนนั้นพี่สาวไม่มีทรัพย์สินมีแต่เงินเดือนไม่มาก และเมื่อปี2554 พ่อได้โอนมรดกเป็นโฉนดที่ดินให้พี่สาว และในวันที่ 24กพ.2555 พี่สาวจึงได้ทำการโอนโฉนดที่ดินมาให้ดิฉันแทน แต่เมื่อวันที่ 27กพ.2555 มีคำสั่งจากศาลให้ยึดโฉนดที่ดินของพี่สาวเพื่อขายทอดตลาด  ดิฉันจึงขอถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. เราสามารถขอลดยอดเงินจาก 100,000บาทได้ไหม และต้องชำระครั้งเดียวหรือแบ่งชำระได้ไหมคะ

2. เนื่องจากพี่สาวเพิ่งได้รับที่ดินมรดกจากพ่อมาเมื่อปี2554 จึงโอนมาให้ดิฉันเก็บไว้ให้โดยไม่ทราบว่าโฉนดจะโดนยึด แล้วเจ้าหนี้จะยังสามารถขอยึดโฉนดนี้ได้ไหมคะ

3. หากเรายังตามหาเพื่อนพี่สาวไม่พบ เราสามารถยื่นฟ้องเพื่อนพี่สาวเพื่อชดใช้ให้ไฟแนนซ์ได้ไหมคะ ดิฉันมีข้อมูลพร้อมรูปเพื่อนพี่สาวด้วยค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์มากๆ ค่ะ

จาก...น้องสาวที่เดือดร้อน

1. เมื่อเป็นหนี้เขาแล้ว ก็เป็นเรื่องระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่จะตกลงกัน เขาจะลดให้คุณ หรือจะยอมให้คุณผ่อนส่งต่อไป ก็ได้ทั้งนั้น  แต่การที่เขาฟ้องศาลจนศาลสั่งยึดที่ดินแปลว่าเรื่องจบไปแล้ว และถึงตอนที่เขาจะมายึดทรั้พย์สินเพือนำไปขายเอาเงินมาชำระหนี้

2. ได้ และคุณควรระมัดระวังให้ดี เพราะอาจจะกลายเป็นการร่วมกันโกงเจ้าหนี้ก็ได้

3. ตอนนี้เรื่องไปจนจบแล้ว เมื่อพี่สาวคุณชำระหนี้ให้เจ้าหนี้แล้วก็มีสิทธิไปฟ้องเรียกเงินคืนจากลูกหนี้ตัวจริงได้  แต่ที่พ่ี่สาวคุณต้องชำระหนี้รายนี้ ก็เพราะไปค้ำประกันเขาเข้า  จำไว้ทีเดียวว่าใครมาขอให้ค้ำประกันไม่ว่าเรื่องอะไร ก็อย่าได้ไปทำเป็นอันขาด