ชนะคดีแต่ถูกฟ้องกลับ
 เรียนถาม  อาจารย์ มีชัย ค่ะ  
หนูถูกฟ้อง ข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา สืบเนื่องจาก การเป็นคู่ความกับโจทก์ ในคดีแดงซึ่งโจทก์เป็นจำเลยและถูกลงโทษหมิ่นประมาท ด่าว่าหนู ด้วยการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์และ หนูชนะคดีมาเมื่อหลายเดือนก่อน ต่อมา  จำเลยจึงให้ทนายไปคัดสำเนาเอกสารที่หนูทำส่งให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นหลักฐานในคดีแดงดังกล่าว มาหาเรื่องเพื่อฟ้องกลับ และ ฟ้องหนูโดยบรรยายฟ้องว่า  หนูบันทึกถ้อยคำเป็นเอกสารส่งให้พนักงานสอบสวนโดยมีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ดังนี้   ข้อความว่า " นางเอ๋ มีจิตใจจดจ่อในเรื่องทางเพศ ชอบด่าว่าให้ร้ายผู้อื่นด้วยถ้อยคำทางเพศ " และ ข้อความว่า " เป็นคนรักสนุก พูดจาจัดจ้านไม่มีกาลเทศะ " และ ข้อความว่า  " นางเอ๋ชอบแต่งตัว ยั่วยวนล่อแหลม "    
ซึ่ง  หนูได้ยกข้อต่อสูว่า หนูไม่มีเจตนาจะหมิ่นประมาทแต่กระทำไปโดยเจตนาสุจริต   เนื่องจาก หนูเป็นผู้เสียหาย และ ในการรวบรวมพยานหลักฐานนั้น ไม่มีหลักฐานใดที่จะชี้ชัดว่า นางเอ๋ เป็นผู้ส่งข้อความ  ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และส่งข้อมูล อันเกี่ยวกับ ความเป็นมาของชีวิต ของนางเอ๋ ตลอดจน ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของนางเอ๋ ที่เกี่ยวกับการใช้วาจาถ้อยคำหยาบคายด่าว่าผู้อื่น  ให้พนักงานสอบสวนทราบ ตาม ป.วิ อ. ม. 138 อีกทั้งหนูเป็นผู้เสียหายจากการที่นางเอ๋ด่าว่ามาหลายคดี และคดีที่แล้วนางเอ๋เคยหนีคดีจนหมดอายุความ   ดังนั้น ในคดีนี้ เพื่อให้มีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหานางเอ๋ได้โดยเร็ว และนำตัวส่งฟ้องได้ หนูจึงส่งคำให้การเป็นหนังสือแก่พนักงานสอบสวน และ ปรากฏถ้อยคำต่างๆ ตามที่ นางเอ๋ คัดลอกมาเขียนบรรยายฟ้อง นั้น  
ส่วนข้อความที่นางเอ๋ คัดลอกมานั้น จริง ๆ แล้ว มีข้อความอื่นรวมอยู่  แต่นางตัดแต่ถ้อยคำที่ดูเป็นการดูหมิ่นออกมาฟ้องเท่านั้น  เช่น  ข้อความว่า " นางเอ๋ มีจิตใจจดจ่อในเรื่องทางเพศ ชอบด่าว่าให้ร้ายผู้อื่นด้วยถ้อยคำทางเพศ " จริง ๆ แล้ว ในบันทึกของหนู เขียนว่า " จากกระทู้ดังกล่าว เป็นการแสดงความคิดเห็นซึ่งนางเอ๋ เป็นผู้เขียน เมื่อพิจารณาข้อความ จะเห็นได้ว่า นางเอ๋ มีจิตใจจดจ่อในเรื่องทางเพศ ชอบด่าว่าให้ร้ายผู้อื่นด้วยถ้อยคำทางเพศ"   
อีกข้อความหนึ่งที่ว่า  "  นางเอ๋ชอบแต่งตัว ยั่วยวนล่อแหลม " จริง ๆ แล้ว เขียนว่า " เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายจะเห็นว่า  "  นางเอ๋แต่งตัวในลักษณะ ยั่วยวนล่อแหลม "  
ถามว่า 
อาจารย์ขา    การที่หนูเขียนข้อความเหล่านี้ เพื่อให้การในชั้นสอบสวน เป็นการหมิ่นประมาท ตาม ม. 326  หรือ ม.  328  ด้วยหรือค่ะ  ในเมื่อหนูไม่มีเจตนา เรื่องหมิ่นประมาท แต่ มีเจตนาให้นางเอ๋ ถูกดำเนินคดีให้ได้เท่านั้น หนูทำไปเพื่อป้องกันส่วนได้เสียอันเกี่ยวกับการที่หนุเป็นผู้เสียหาย  เพราะคดีนี้ มันซับซ้อน เกินกว่าการรวบรวมพยานหลักฐานตามปกติค่ะ  ที่ศษลงโทษได้  คดีนี้หนูต้องลงทุนสืบเองเลยค่ะ  ( ตำรวจยัง งง เรื่อง คดีคอมพิวเตอร์อยู่ค่ะ และไม่รู้จักเลยว่า ไอพีแอดเดรส เกี่ยวกับ ระบบอินเตอร์เนตอย่างไร )  สืบจนได้ความว่า ผู้ต้องหา แอบอ้างใช้ข้อมูลส่วนตัวของหนูไปลงทะเบียนในเวบไซต์หนึ่ง และ เมื่อนางเอ๋ได้ รหัสลับมา ก็นำมาลงทะเบียนเพื่อใช้บริการส่งข้อความผ่านอินเตอร์เนต  มาเข้ามือถือหนู  และ คดีนี้ จำเลย สู้ว่า เขาไม่ใช่คนทำเพราะชื่อคนที่ด่าหนูเป็นชื่อหนูเอง   ส่วนที่เขาต้องจำนน คือ หนูนำพยานจากบริษัทอินเตอร์เนท และ มหาวิทยาลัยมานำสืบว่า  ถึงแม้จะส่งมาจากชื่อหนู  แต่ ข้อความก็ส่งมาจากอินเตอร์เนตที่เชื่อมจากเครื่องคอม ฯ ที่อยู่ในบ้านของนางเอ๋ และ ในมหาวิทยาลัยที่นางเอ๋เรียน ป. โท อยู่  คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้    
หนูคิดว่า นางเอ๋ คงจะคิดแค้นเลย ลงทุน จ้างทนายมาฟ้องหนูกลับค่ะ  ซึ่ง เค้าฟ้องหนู ตาม ม. 328  แต่ หนูเห็นว่า การส่งบันทึกคำให้การเป็นหนังสือกับพนักงานสอบสวนโดยตรงกับตัว   ยังมิใช่การโฆษณา  แต่ หนูจะถูกพิพากษา ตาม ม. 326  หรือเปล่า  อยากให้ อาจารย์ ช่วยพิจารณาด้วยค่ะ   
หนูเป็นกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้  เพราะนำสืบเรื่องไม่มีเจตนา แต่เกรงศาลท่านจะไม่ฟัง หนูเป็นข้าราชการ และไม่อยากเดือดร้อนในเรื่องไม่เป้นเรื่องค่ะ  
ขอบพระคุณค่ะ  
  
  
   |