เรียน ท่านมีชัยครับ

ผมขอเล่ารายละเอียดก่อนดังนี้ครับ

คุณตาคุณยายมีที่ดินซึ่งมีชื่อกรรมสิทฺธิชื่อหลังโฉนดร่วมกัน คุณตาเสียเมื่อปี 2521 พินัยกรรมคุณตายกให้บุตร 3 คนและหลาน 1 คน ให้หลานเป็นผู้จัดการมรดก แต่คุณยายได้ไปร้องขอต่อศาลชี้แจงว่าไม่มีพินัยกรรมและขอเป็นผู้จัดการมรดกเอง โดยแจ้งว่ามีทายาท 3 คน (ไม่ได้กล่าวถึงหลาน) โดยไม่มีทายาทขัดแย้ง

ต่อมาคุณยายเสียชีวิตเมื่อปี 2538 ซึ่งได้ทำพินัยกรรมไว้เมื่อปี 2533 ซึ่งเป็นพินัยกรรมที่พิมพ์ขึ้น โดยมีคุณยายเซ็นต์ชื่อ พร้อมพยานอีกสองคน โดยยกบ้านที่อยู่บนที่ดินดังกล่าวให้หลาน และให้หลานเป็นคนจัดการ โดยระบุว่าห้ามขายโดยพินัยกรรมเก็บไว้ที่หลานคนที่ได้มรดกจากคุณตา เมื่อต้นปีต้องการขายทรัพย์สินนี้ พบว่า พินัยกรรมคุณยาย นั้นมีส่วนเพิ่มเติม โดยที่ส่วนเพิ่มเติมนั้นเป็นการยกที่ดินดังกล่าวในส่วนของคุณยายให้แก่หลาน แต่ส่วนต่อเติมดังกล่าว ไม่ได้ระบุวันที่แก้ไข และลายเซ็นต์คุณยายก็ไม่เหมือนลายเซ็นต์แรกทีเดียว และยังพบอีกว่าพินัยกรรมส่วนแรก มีการเขียนเพิ่มเติม โดยไม่ได้เซ็นต์ชื่อกำกับ

ผมขอเรียนถามดังนี้ครับ

1. ทรัพย์สินจะถูกแบ่งอย่างไรครับ

2. พินัยกรรมคุณยาย ถือเป็นโมฆะหรือเปล่าครับ ส่วนใดบ้างครับ

3. ถ้าจะพิสูจน์ลายมือ แต่ไม่สามารถหาลายมือในช่วงเวลาเดียวกันได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าวันที่แก้ไขเป็นวันที่เท่าไหร่ จะต้องทำอย่างไรบ้าง

4. ถ้าผมอยากจะฟ้องร้องยังกระทำได้หรือไม่ หมดอายุความหรือยังครับ

5. ถ้าพินัยกรรมถูกแก้ไขอย่างไม่ถูกต้อง สามารถฟ้องเอาผิดได้หรือไม่ครับ

6. ความยากง่ายของคดี ไม่ทราบว่าสมควรฟ้องหรือไม่ครับ จะสามารถขอความเป็นธรรมได้ หรือต้องไกล่เกลี่ยอยู่ดีครับ

ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

เรียน คุณไก่

1-2. พินัยกรรมนั้นจะใช้ได้หรือไม่ เพียงเล่ามาเท่านี้ยังไม่สามารถจะบอกได้ ส่วนที่ถามว่ามรดกจะตกเป็นของใคร ในชั้นนี้ก็ต้องถือว่าพินัยกรรมนั้นใช้ได้ และมรดกก็ต้องตกไปตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรม  เพียงแต่การทำพินัยกรรมนั้นจะยกทรัพย์ของคนอื่นให้ใครไม่ได้  ดังนั้นพินัยกรรมนั้นจึงมีผลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์ที่เป็นของยาย ส่วนทรัพย์ที่เป็นของตานั้นก็ต้องได้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมของตา

3. พินัยกรรมที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น หากมิได้ทำแบบเดียวกับพินัยกรรมทั้งฉบับ คือมีการลงลายมือชื่อรับรอง พินัยกรรมส่วนนั้นก็อาจใช้ไม่ได้

4. อาจจะหมดอายุความแล้วก็ได้ เพราะเกิน 10 ปีแล้ว

5. จะเอาผิดกับใครล่ะ เว้นแต่จะรู้ว่าใครเป็นคนแก้ไข

6. ควรลองปรึกษากับทนายความดูก่อน