เรียน อาจารย์มีชัย
กำลังกระสบปัญหาถูกธนาคารฟ้องเรียกชำระเงินที่ค้างส่งค่าบ้านและศาลสั่งให้ชำระเงินที่ค้างพร้อมดอบเบี้ย ราคาค่าบ้าน 744,248 บวกดอกเบี้ย869,682 รวมเป็นเงิน 1,613,931 บาท พร้อมดอกร้อยละ 14 ของต้น744,248 ตามคำฟ้องของธนาคารดิฉันไปขอความเห็นใจจากศาลแล้วว่าขอลดดอกให้บ้างเพราะว่าไม่มีกำลังพอจะจ่าย ศาลก็บอกว่าการตัดสินคดีแบบนี้มีบรรทัดฐานอยู่แล้ว ดิฉันก็เข้าใจว่าศาลคงจะลดดอกเบี้ยลงบ้างและทางหน้าบัลลังค์ให้เซ็นชื่อในกระดาษเปล่าซึ่งไม่มีคำสั่งศาลอยู่และให้กลับบ้าน หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รับคำพิพากษาให้ชำระเงินตามคำฟ้องทุกอย่างไม่มีการลดดอกเบี้ยใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ถ้าจะยึดบ้านขายทอดตลาดก็เชื่อว่าเงินคงไม่พอใช้หนี้ธนาคารแน่ ดิฉันจะทำอย่างไรดีทราบว่าการอุทธรณ์คำสั่งศาลต้องภายใน 30 วันจากคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ได้รับคำพิพากษาส่งที่บ้านเกิน 30 วันที่ศาลพิพากษา ไม่คิดว่าศาลจะใจร้ายเข้าข้างธนาคารแบบนี้ และสามีได้รับโอนที่ดินจากมารดามาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว อ้อลืมบอกว่าสามีมีชื่อกู้ร่วมด้วย จะถูกยึดที่แปลงนี้ซึ่งได้ปลูกบ้านไว้หรือไม่ ควรทำอย่างไรขอคำแนะนำด้วยค่ะ ถ้าไปคุยกับธนาคารขอลดเงินที่ศาลพิพากษาอาจารย์คิดว่าเขาจะยอมหรือไม่และดิฉันรับราชการจะถูกอายัดเงินเดือนหรือเงินบำเหน็จ กรณีเกษียณหรือไม่ แล้วเงินสหกรณ์ที่ทำงานจะถูกอายัดได้หรือไม่
ถ้าให้สามีโอนที่ดินกลับไปเป็นชื่อของมารดาตอนนี้จะทำได้ไหมไม่อยากให้ที่ดินของสามีถูกยึดทรัพย์กรณีเงินไม่พอจ่ายและกรมบังคับคดีจะอายัดเงินเดือนของสามีซึ่งทำงานเอกชนได้หรือไม่ กรุณาแนะนำคนไร้น้ำยาด้วยเถอะค่ะ
เรียน คนไร้น้ำยา
ถ้าสามีเป็นคนกู้ร่วมด้วย ทรัพย์สินของสามีก็ย่อมตกอยู่ภายใต้อาณัติที่เจ้าหนี้จะมายึดทรัพย์ได้ การโอนกลับคืนให้มารดาอาจกลายเป็นการฉ้อโกงเจ้าหนี้ได้ ไม่ควรทำ ทางออกทางหนึ่งก็คือ หาทางขายบ้านและที่ดินเพื่อให้ได้ราคาสูงสุด จะได้เอาไปชำระหนี้เขาได้