ศาลตัดสินคดียักยอกทรัยพ์ และปลอมแปลงเอกสาร
เรียน ท่านมีชัย
หลานดิฉัน ถูกอัยการสั่งฟ้องคดี ปลอมแปลงเอกสาร คือ หลานเป็นผู้จัดการของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยได้ไปขายของเงินผ่อน แต่หลานได้นำสินค้าไปขายเงินสด และมาปลอมเอกสารบัตรประชาชน ซื้อสินค้าเงินผ่อน โดยกระทำทั้งหมด 3 ครั้ง ปลอมแปลงเอกสาร 3 คน เป็นเงินประมาณ 70,000.- บาท จนบริษัทจับได้ว่าผู้ที่ทำสัญญาซื้อสินค้าเงินผ่อน ไม่ได้เป็นผู้ซื้อ เพราะทางบริษัทได้ให้พนักงานไปตรวจเช็คสินค้าซึ่งเป็นบริการหลังขาย ปรากฏว่าลูกค้าตามสัญญาไม่มีสินค้าดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้ซื้อสินค้า ทั้ง 3 ราย และบริษัท ได้แจ้งความ ฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งกระผมก็สารภาพกับตำรวจแล้ว ซึ่งตำรวจสั่งฟ้องคดียักยอกทรัพย์อย่างเดียว แต่อัยการเมื่ออ่านคำสั่งฟ้องแล้ว แจ้งให้ตำรวจสั่งฟ้องข้อหาปลอมแปลงเอกสารอีก 1 คดี ซึ่งอัยการเป็นโจทย์ และหลานก็รับสารภาพเช่นกันเนื่องจากทางตำรวจแจ้งหลานว่า ถ้าไม่รับสารภาพ ต้องเรียกบุคคลที่กระผมนำเอกสารบัตรประชนมาปลอมลายมือชื่อซื้อสินค้าเงินผ่อน มาสอบปากคำ อาจจะต้องมีโจทย์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเรื่องเกิดตั้งแต่เดือน ก.ย.51 ซึ่งหลานได้ไปให้การกับตำรวจหลายครั้งแล้ว จนกระทั่งวันที่ 18 มีนาคม นี้ ศาลนัดฟังคำตัดสิน และอ่านคำพิพากษา ให้จำคุกกระผม 6 ปี รับสารภาพคงให้จำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าทรัพย์ที่ยักยอกมาให้ครบถ้วน แต่ได้ประกันตัวออกมาในวงเงิน 100,000.- บาท กระผมขอถามดังนี้ครับ
1. ทำไมศาลไม่สอบปากคำกระผมเลย แถมตัดสินโดยอ่านคำพิพากษาเลยครับ
2. ถ้ากระผมจะยื่นอุทรณ์ โดยแจ้งต่อศาลว่า หลานได้ชำระเงินค่าทรัพย์ไว้ครบถ้วนแล้ว โดยพ่อของหลานนำเงินไปชดใช้ให้ และหลานมีโรคประจำตัวเป็นหอบหืด และมีบุตรอายุ 2 ขวบ ภรรยากำลังท้อง 4 เดือน ซึ่งภรรยาทำงานได้เงินเดือน เดือนละ 5,000.- บาท ส่วนตัวหลานไม่ได้ทำงานต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน จะเป็นเหตุให้ศาลสงสาร และรอลงอาญาได้ไหมครับ (กระผมเคยถูกจับเสพยาบ้า และศาลสั่งคุมประพฤติมา 1 ครั้งแล้วครับ)
3.ถ้าไม่รอลงอาญา อาจจะลดโทษลงต่ำกว่านี้ได้ไหมครับ
ช่วยตอบด่วนด้วยนะครับ เพราะต้องยื่นอุธรณ์ ภายในวันที่ 19 เม.ย.53 นี้
ท้ายนี้ขอให้ท่านมีชัยมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ รบกวนเท่านี้ครับ
|