เมื่อต้นปี51 มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเปิดบัตรเครดิต เคทีซี ให้ผม วงเงิน 4หมื่นบาทแต่ไม่ได้เปิดใช้ และไม่เคยนำมาใช้ใดๆ บัตรยังอยู่ในซอง เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน และไม่ชอบ ที่ทำเพราะถูกยัดเยียดจากเจ้าหน้าที่ ต่อมาเมื่อปลายปี 52 มีเจ้าหน้าที่ประกันชีวิตเป็นหญิงของบริษัททิพยประกันภัย โทรศัพท์มาที่มือถือผมพูดถามว่าผมเป็นเจ้าของบัตรเครดิต เคทีซี ใช่หรือไม่ และพูกชักชวนโน้มน้าวให้ผมและบุคคลในครอบครัวทำประกันชีวิต แต่ผมบอกว่ามีบัตรเครดิตเคทีซีจริง แต่ยังไม่ได้เปิดใช้ หญิงคนดังกล่าวบอกว่าไม่เป็นไรและพยายามพูดสอบถามประวัติผมและครอบครัวเพื่อให้ทำประกันชีวิตให้ได้ แต่ผมยืนยันว่าบัตรเครดิตยังไม่เปิดใช้ ถามผมว่าสนใจทำประกันชีวิตหรือไม่ ผมตอบว่าสนใจ แต่ต้องเปิดใช้บัตรเครดิตก่อนแล้วจะทำ เพราะผมเชื่อว่าหากยังไม่ขอเปิดใช้บัตร ก็ไม่สามารถมีสิทธิใดๆในบัตรได้ และสอบถามในลักษณะให้ตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ แล้วเลิกคุยกันไป โดยที่ผมไม่ได้ยืนยันสมัครทำประกันชีวิต ต่อมาเมื่อต้นปี 53 มีซองเอกสารจากบริษัทประกันทิพยส่งมาให้ผมที่บ้าน ผมฉีกซองดูแล้ว แต่ไม่ได้สนใจอ่านและในเดือนต่อมาก็มีใบแจ้งหนี้จากบัตร เคทีซี ให้ผมชำระหนี้เป็นเงินประมาณ 1,200 บาท ผมจึงร้อนใจเพราะยังไม่ได้เปิดขอใช้บัตร แต่มีหนี้มาเรียกเก็บได้อย่างไร จึงโทรไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่บัตรเคทีซี ซึ่งแจ้งว่าผมไปทำประกันชีวิตไว้กับทิพยแล้ว ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำ เพียงแต่มีคนโทรมาสอบถามและเพียงแต่ตอบว่าสนใจเท่านั้น ยังไม่ได้สมัครยืนยัน เขาบอกว่านั้นแหละผมสมัครทำประกันแล้ว ผมบอกว่าผมยังไม่ได้ขอเปิดใช้บัตรจะให้ผมจ่ายเงินได้อย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าเออใช่ ในเมื่อยังไม่เปิดใช้ จะให้เป็นหนี้ได้อย่างไร ผมเห็นว่าหากมีบัตรนี้อยู่ต่อไปอีกก็มีความเดือดร้อนเข้ามาหาอีกจึงบอกขอยกเลิกไม่เป็นสมาชิกบัตรเครดิตที่ทำไว้ และติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่บริษัททิพยประกันภัยเพื่อสอบถามว่าผมสมัครทำประกันชีวิตตั้งแต่เมื่อใด เขาบอกว่าตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นโทรศัพท์มาสอบถามประวัติชื่อที่อยู่ผมไว้ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ซึ่งผมก็ได้ยืนยันว่ายังไม่ขอเปิดใช้บัตร จะให้ผมทำประกันได้อย่างไรแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย เพียงแต่บอกว่าสนใจเท่านั้น แต่เขาบอกว่าผมยืนยันสมัครทำประกันชีวิตแล้ว โดยได้อัดคำสนทนาระหว่างผมกับเจ้าหน้าที่คนนั้นไว้แล้ว ถ้าไม่เชื่อจะเปิดให้ฟัง ผมบอกว่าไม่ต้องเปิด เพราะคุณตัดต่อคำพูดที่มัดตัวผมไว้แล้ว ผมจึงแจ้งให้ยกเลิก แต่ทางบริษัททิพยแจ้งว่าก็จะต้องเสียเบี้ยประกันที่ได้ทำไว้แล้ว จากนั้นมาอีกทุกเดือนจะมีใบแจ้งหนี้จากบัตรเคทีซีให้ผมชำระหนี้ตลอดมา และได้เพิ่มวงเงินค่าติดตามมาอีกด้วย ซึ่งผมติดต่อเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายแล้วรับปากว่าจะแก้ไขให้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆสักที จึงขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ผมจะต้องจ่ายเงินประกันชีวิตตามที่เจ้าของบัตรเคทีซีเรียกให้ชำระหรือไม่(วงเงินเดือนสุดท้ายประมาณ 1,300 บาท) หากผมไม่จ่ายจะเพิ่มวงเงินค่าติดตามไปเรื่อยๆใช่หรือไม่ จนอาจถึงหลักหมื่นและแสน ผมจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ร้องเรียนไปยังหน่วยงานใดที่รับผิดชอบได้หรือไม่ เจ้าของบัตรเครดิตเคทีซีผิดอะไรหรือไม่ เพราะผมยังไม่ได้ขอเปิดใช้บัตรเครดิต แต่มาเรียกเก็บเงินกับผมเป็นการเอาเปรียบใดๆหรือไม่ และบริษัททิพยประกันภัยมีสิทธิยัดเยียดทำประกันชีวิตให้ผมได้หรือไม่ มีวิธีแก้ไขอย่างไร (ผมคิดว่าจะไม่จ่ายและหาวิธีการดำเนินการกับทั้งสองบริษัทนั้นต่อไป (หากเป็นตาสีตาสาหรือใครก็ได้ที่ทำบัตรไว้เพราะถูกยัดเยียดให้ทำ แล้วทั้งสองบริษัทได้ร่วมมือกันยัดเยียดทำประกันชีวิตให้กับบุคคลเหล่านั้นโดยที่ไม่ตั้งใจ ซึ่งบางรายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะทำบัตรไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ใช้ แต่จู่ๆก็มีผู้หวังดีมาขอทำประกันให้ แล้วถูกเรียกให้ชำระหนี้โดยที่ไม่รู้ตัวจนเป็นหนี้ค้างแล้วถูกฟ้องร้องภายหลังจึงทราบว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต)