นายก. เปิดบริษัทโบรกเกอร์ 2 บริษัท เพื่อซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า แล้วถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนทั้งสองคดี โดยมีพฤติกรรมของการฉ้อโกงเหมือนกันทั้งสองคดี ต่างกันเฉพาะชื่อบริษัทเท่านั้น แต่คดีหนึ่งศาลชั้นต้นตัดสินว่าเป็นกระทำต่างกรรมต่างวาระให้ลงโทษทุกกระทง ตัดสินจำคุก 24 ปี ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนอีกคดีหนึ่งศาลชั้นต้นตัดสินว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว ลงโทษบทหนัก โดยให้จำคุก 3 ปี ซึ่งนายก.ถูกจำคุกมาแล้ว 9 ปี ตอนนี้ได้รับการปล่อยตัวเพราะได้รับอภัยโทษแล้ว ถามว่า ทำไมมาตรฐานของการตัดสินคดีของศาลในคดีที่มีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันจึงไม่ตัดสินเหมือนกัน ศาลใดตัดสินถูกต้อง แล้วหากที่ถูกต้องคีอศาลที่ตัดสินให้จำคุก 3 ปี ระยะเวลาที่นาย ก. ต้องถูกจำคุกเกินกว่า 3 ปี จะเรียกร้องอย่างใดได้หรือไม่แล้วต้องทำอย่างไร
ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล พิจารณาไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน อะไรที่ไม่ได้อยู่ในสำนวน ก็พิจารณาไม่ได้ คดีเหมือนกัน ถ้าการนำสืบหรือการต่อสู้คดีไม่เหมือนกัน ศาลก็อาจพิจารณาและตัดสินไม่เหมือนกันได้ จะว่าใครผิดใครถูกไม่ได้
เช่น นาย ก. และ นาย ข. กู้เงินนาย ค.มาพร้อม ๆ กัน และไม่ได้ชำระหนี้เหมือนกัน นาย ค.จึงฟ้องนาย ก.เป็นคดีหนึ่ง และฟ้องนาย ข. เป็นอีกคดีหนึ่ง นาย ก็เข้าไปต่อสู้คดี และยกอายุความขึ้นต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้ว เมื่อศาลพิจาณาเห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว ก็ต้องยกฟ้องไป ส่วน นาย ข. ไม่ได้ไปต่อสู้คดี ศาลจึงตัดสินให้ นาย ข.ชำระหนี้ให้ นาย ค. ทั้ง ๆ ที่การกู้เงินทั้งสองรายทำพร้อม ๆ กัน และขาดอายุความเหมือนกัน