ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    043821 สอบถามเกี่ยวกับเรื่องคดีอาญาค่ะปัทมา22 กุมภาพันธ์ 2554

    คำถาม
    สอบถามเกี่ยวกับเรื่องคดีอาญาค่ะ

    เรียนท่านอาจารย์...

    ดิฉันรบกวนสอบถามเกี่ยวกับคดียักยอกทรัพย์

                เนื่องด้วยดิฉันเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท และได้ว่าจ้างบริษัทที่ตนเองเป็นกรรมการอยู่ในขณะนั้นทำงาน และมิได้มีการชำระเงิน เป็นเพราะความเขลาของดิฉันที่กระทำไปเนื่องจากความคับแค้นใจในหุ้นส่วนซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เพียงเพราะดิฉันรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ และต่อมาหุ้นส่วนซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการได้ทราบข้อมูลมาว่าดิฉันได้ยักยอกทรัพย์ และได้เรียกเข้าไปพูดคุยและตกลงชำระค่าเสียหาย และได้เรียกเงินจำนวน 300,000 บาท และพูดว่าเค้าเอาเพียงแค่นี้ ที่เหลือเค้ายกผลประโยชน์ให้ และคำพูดว่าผมไม่อยากแกล้งคุณ ไม่งั้นผมไปแจ้งความแล้ว พร้อมกันนั้นได้ให้ดิฉันเซ็นต์ถอนหุ้น และเซ็นต์โอนหุ้นคืนให้ไป ในระหว่างพูดคุยกันนั้นมีพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานในบริษัทอยู่ด้วย 2 คน พร้อมทั้งสามีของดิฉัน ซึ่งดิฉันได้ตกลงและนำเงินโอนเข้าธนาคารให้ในวันรุ่งขึ้น

               แต่หลังจากนั้นอีกสัปดาห์ เค้าได้ไปแจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์กับดิฉัน โดยผู้หมวดที่สน.ได้เรียกดิฉันเข้าไปพบและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งดิฉันได้เข้าพบและได้แจ้งแก่หมวดว่า ดิฉันได้ชำระเงินตามที่เค้าเรียกร้อง และเรื่องได้จบ เราได้จับมือกัน และดิฉันได้ขออโหสิกรรมเค้า และขอโทษที่ดิฉันได้ทำผิดพลาดไป พร้อมทั้งนำใบโอนเงิน และใบรายการที่เค้าคิดเงิน พร้อมทั้งเลขบัญชีที่ให้โอนเงิน ซึ่งเขียนด้วยลายมือเค้าเองไปให้หมวดดู

            ต่อมาภายหลังหมวดได้นัดดิฉัน และหุ้นส่วนเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่เค้าไม่ยอมบอกว่าผมต้องการมากกว่านี้ ยังไงผมก็ไม่ยอมจบ และผมจะเล่นงานคุณให้ถึงที่สุด เมื่อเห็นเค้าไม่ยอมหลังจากนั้นหมวดให้ดิฉันกลับไป และให้เค้าหาหลักฐานมาเพิ่มเติม เพราะหลักฐานที่เค้านำมาไม่เพียงพอ จากวันนั้นผ่านไป 2 เดือน หมวดเรียกให้ดิฉันเข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และดิฉันได้บอกหมวดว่าจะขอขึ้นให้การในชั้นศาล หมวดจึงได้ทำการปั๊มลายนิ้วมือ และบอกว่าถ้าจะยื่นอัยการเมื่อไหร่แล้วจะโทร.นัดอีกครั้ง จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 1 ปี หมวดยังไม่โทร.มานัดส่งเรื่องให้อัยการเลยค่ะ ดิฉันก็ได้แต่รอ ไม่ทราบว่าสถานะการณ์อย่างนี้ ดิฉันควรจะทำอย่างไรคะ? ถ้าอัยการเรียก จากหลักฐาน และพยานที่มีอยู่ จะทำให้อัยการไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่คะ? หรือถ้าอัยการสั่งฟ้อง จากหลักฐานที่ดิฉันมีอยู่ จะช่วยบรรเทาข้อหาดิฉันได้บ้างไม๊คะ?

             ที่สำคัญเค้าได้โทร.ไปหาลูกค้าและ supplier ทุกราย และเล่าว่าดิฉันโกงเงิน และต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งเกินความเป็นจริงไปมาก แถมยังเอาใบแจ้งความลงบันทึกประจำวันส่งไปให้ลูกค้าดูเพื่อเป็นการประจานดิฉัน และไม่บอกว่าดิฉันได้ชำระเงินให้เค้าไปแล้ว ซึ่งทำให้ดิฉันเสียหายมาก เพราะทุกวันนี้ดิฉันก็ได้เปิดบริษัท ของตนเอง และทำงานอยู่ในวงการเดียวกัน ทำให้ดิฉันทุกข์ใจเป็นสองเท่า

             ส่วนหลักฐานที่ดิฉันมีอยู่ คือสำเนาเอกสารการถอนหุ้น สำเนาใบโอนหุ้น ใบ pay-in การโอนเงินเข้าบัญชี เอกสารการแจ้งรายการที่ยักยอกพร้อมราคาที่คิดไว้ และยอดเงินรวมที่เค้าเรียกร้องมา ทั้งหมดเป็นลายมือของเค้าเอง และพยานบุคคล คือพนักงาน 2 คนที่เค้าเรียกมานั่งฟังเป็นพยานค่ะ

           รบกวนอาจารย์ได้กรุณาให้ความรู้พร้อมทั้งคำแนะนำให้แก่ดิฉันด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าอาจารย์เก็บคำถามดิฉันไว้ไม่เผยแพร่สู่สาธารณะชนได้หรือไม่คะ

    นับถือ

    ปัทมา

    คำตอบ
    เมื่อเวลาที่มนุษย์เจ็บป่วยนั้น มีทั้งที่เจ็บป่วยเล็กน้อย และเจ็บป่วยมาก  ถ้าเจ็บป่วยเล็กน้อย บางทีอยู่เฉย ๆ ก็หายได้ แต่ถ้าเจ็บป่วยมาก ไม่รักษาก็คงไม่หาย  การรักษามีทั้งรักษาด้วยตัวเองหรือไปให้หมอรักษา  แต่การรักษาด้วยตัวเองนั้น แม้จะเป็นอันตราย แต่บางทีก็หายได้ เพราะอย่างน้อยเจ้าตัวก็รู้ว่าเจ็บตรงไหน อาการอย่างไร พอเคยได้ยินคนเขาพูดกันมาบ้างว่ายาอะไรกินหรือทาแล้วจะหาย  แต่คดีความนั้นเป็นคนละเรื่อง เพราะเมื่อไม่รู้กฎหมาย อย่าพูดถึงจะไปแก้ไขเลย เพียงแต่ผิดหรือไม่ผิด และผิดอะไร อย่างไร ก็ไม่รู้เสียแล้ว  เหมือนกรณีของคุณ ขนาดเล่ามาให้ฟัง ยังเดาไม่ถูกเลยว่าคุณทำอะไรมา และที่ทำไปนั้นเป็นความผิดจริงหรือไม่  แต่คุณก็คงสรุปด้วยตัวเองเสียแล้วว่าผิดฐานยักยอก จึงเอาเงินไปใช้ให้เขา  ซึ่งจะผิดหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อเอาเงินไปให้เขาแล้ว ก็เลยอยู่ในฐานะที่ยุ่งยากและย่ำแย่ยิ่งขึ้น แต่จนบัดนี้คุณก็ยังไม่เคยปรึกษาทนายความ จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง พอดีพอร้ายกว่าจะรู้ตัวก็ติดคุกเสียแล้ว  ทางที่ดีจึงควรไปปรึกษาทนายความเถิด เล่าให้เขาฟังทั้งหมด เอาหลักฐานที่มีอยู่ไปให้เขาดู  เขาจะได้บอกได้ว่าคุณได้ทำผิดอะไรหรือยัง ถ้าได้ทำผิด เขาจะได้แนะนำว่าควรต่อสู้คดีอย่างไร
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    22 กุมภาพันธ์ 2554