ขอบคุณที่รับรู้ อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่าสังคมไทยยังมี "น้ำใจ" เหลือให้กัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเร่งมือทำร้ายสังคมและประเทศกันอย่างมันมืออย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้
ดีใจที่คุณครูยังรู้ถึงภาระหน้าที่ของตัวเอง เพราะดูเหมือนสังคมปัจจุบันทุกคนจะลืมไปหมดแล้ว
สส.ท่านไปรับเลือกตั้งมาเพื่อทำงานแทนประชาชนในสภา ครั้นพอรู้ว่าจะมีการยุบสภา ท่านก็เลยไม่มาประชุมจนสภาล่มแล้วล่มอีกเพื่อจะได้ไปหาเสียงให้ชาวบ้านเลือกกลับเข้ามาทำหน้าที่ใหม่
สว.ท่านมีหน้าที่จะต้องทำหน้าที่ต่อไปในระหว่างที่หมดวาระ ท่านกลัวว่าจะไม่ได้รับการสรรหาใหม่ เลยทิ้งหน้าที่ลาออกไปเสียอย่างนั้นแหละ
ก็หน้าที่เดิมที่มีอยู่ยังทิ้งไป แล้วจะไปอาสาให้ชาวบ้านเลือกหรือสรรหากลับมาให้เหนื่อยยากทำไมก็ไม่รู้ ดูเหมือนสังคมจะยอมรับเหตุผลของการไม่มาทำหน้าที่นี้กันอย่างหน้าตาเฉย แม้แต่"สื่อ" ก็รับเหตุผลนี้ได้
ถ้าเหตุผลนี้ใช้อ้างในการไม่ทำหน้าที่ได้ ต่อไปเราคงจะได้เห็น
ครูไม่ว่างไปสอนหนังสือเพราะต้องมัวไปขวนขวายหาวิทยฐานะให้สูงขึ้นเพื่อจะได้ไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยลัย ครั้นได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ว่างไปสอนเพราะต้องมัวไปหาเสียงเพื่อจะได้เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย ครั้นได้เป็นแล้วก็คงไม่ว่างบริหาร เพราะต้องมัวหาเสียงเพื่อให้ได้อยู่ต่อไปอีกวาระหนึ่ง
ข้าราชการไม่ว่างที่จะทำงานหรือให้บริการประชาชน เพราะต้องมัวไปวิ่งเต้นเอาใจผู้บังคับบัญชาเพื่อเลื่อนเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ครั้นได้เป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงขึ้น ก็ไม่ว่างจะบริหารเพราะต้องมัวไปวิ่งเต้นนักการเมืองเพื่อรักษาตำแหน่งหรือให้ได้ตำแหน่งสูง ๆ ยิ่งขึ้นไปอีก แม้แต่เป็นตำแหน่งสูงสุดแล้วก็คงไม่ว่างทำอะไร เพราะต้องมัวไปติดตามนักการเมืองเพื่อรักษาตำแหน่งไว้ต่อให้นานที่สุด
ขั้นสุดท้าย ประชาชนก็คงใช้อ้างเป็นเหตุว่าไม่มีเวลาไปเสียภาษี เพราะมัวไปหาวิธีหลบภาษีอยู่ หรือหาเงินมาเพื่อเสียภาษี
มีชัย ฤชุพันธุ์ 6 เมษายน 2554 |