เรียน อ.มีชัย ค่ะ

        ดิฉันได้ทำสัญญาเงินกู้ซื้ออาคารพร้อมที่ดินในฐานะผู้กู้ร่วมกับทางธนาคาร มูลค่าที่ทำสัญญากับทางธนาคาร 1.28 ล้าน ระยะเวลาผ่อนตามสัญญา 30 ปี ชื่อในโฉนดที่ดิน 2คน แต่ว่าในการทำสัญญาครั้งนี้ทางปฎิบัติแล้วผู้กู้หลัก เป็นผู้รับผิดชอบชำระค่างวดแต่ละเดือน แต่หลังจากผ่อนได้สักระยะทางผู้กู้ก็ปล่อยบ้านทิ้งว่างไว้ เนื่องจากต้องย้ายไปดูแลคุณพ่อหลังจากนั้นหลายดือน ทางผู้กู้หลักตกงานจึงไม่ได้ผ่อนชำระต่อเป็นระยะเวลาหลายเดือนและไม่ได้เข้าไปดูแลที่บ้านที่กู้ซื้ออีกเลยในขณะที่ไม่เคยแจ้งเรื่องนี้ดิฉันเลย ตัวดิฉันมาสงสัยในภายหลังเนื่องจากปกติทุกปีจะมีหนังสือรับรองดอกเบี้ยจากธนาคาร(ผู้กู้จะนำมาให้ดู)แต่ว่าในปี53 นั้นไม่ได้รับจึงสอบถามไปยังผู้กู้(แต่คำตอบที่ได้นั้นคือ ส่งทุกเดือน) ดิฉันไม่แน่ใจจึงไปติดต่อธนาคารต่างสาขาที่ทำสัญญาเพื่อขอรายละเอียดยอดเงินค้าง ทางธนาคารแจ้งว่าเครดิดเสียแล้วให้รีบไปติดต่อสำนักงานใหญ่ รุ่งขึ้นหลังจากที่ไปติดต่อสำนักงานใหญ่แล้วทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเรื่องของดิฉันทางศาลได้ตัดสินแล้ว ให้ทำเรื่องลดดอกเบี้ยที่ค้างและมาทำเรื่องขอกู้ใหม่ด้วยยอดเงินต้นทีเหลืออยู่ตอนนี้ประมาณ 1.13 ล้าน,ดอกเบี้ยประมาณแสนกว่าบาท(อัตราดอกเบี้ยสูงจาก 7.5% เป็น 13.5%) และให้ชำระต้น+ดอกเปี้ยหมดภายใน 10 ปี ดิฉันตกใจมากและขอสำเนาเอกสารที่มีคำสั่งศาลที่ตัดสินลงมาหรือเลขที่คดีก็ได้ แต่เจ้าหนี้ที่ธนาคารแจ้งว่าไม่มีและไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรอีกเลย

คำถาม

1.สำหรับคดีนี้จริงๆแล้วอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว? (ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์?)

2.อยากทราบรายละเอียดขั้นตอนกระบวนการชั้นศาลค่ะ

3.จากการคำนวณแล้วตัวผู้กู้หลักไม่มีรายได้ และสำหรับดิฉันผู้กู้ร่วมทำงานรับเงินเดือน คิดว่าคงชำระต่อไม่ไหว อยากทราบว่าถ้าดิฉันปล่อยให้ธนาคารยึดทรัพย์และขายทอดตลาดไปจะใช้ระยะเวลาเท่าใด?

4.ธนาคารแจ้งว่าศาลตัดสินว่ายึดทรัพย์แล้ว(แต่ไม่เห็นคำสั่งศาล) หลังจากนี้จะถือว่าธนาคารกับเรานั้นมีมูลหนี้ที่นิ่งแล้ว? และหลังจากนี้ธนาคารจะสามารถคิดดอกเบี้ยเพิ่มหรือไม่ หรือถือว่าจบแล้วในขั้นตอนที่ศาลตัดสินยึดทรัพย์

5.ขั้นตอนหลังจากที่นำทรัพย์ขายทอดตลาดแล้วไม่เพียงพอกับมูลหนี้ทั้งหมดจะส่งผลอะไรต่อผู้ร่วมกู้บ้าง จะเกิดอะไร?

6.คำถามข้อ 5. ผลกระทบต่อผู้กู้หลัก?

ขอแสดงความนับถือ

เอ