ได้ทำสัญญาเช่าที่นากับนาง ก. เมื่อปลายปี 2552 สัญญาเช่าที่นาระบุเช่านาเป็นเวลา 5 ปี ทำนา 2 ครั้งต่อปี และได้จ่ายเงินจำนวน 85,500 บาทเป็นค่าเช่านา ณ วันที่ทำสัญญาต่อหน้าพยาน ต่อมาต้นปี 2553 ได้เริ่มทำนาเป็นปีแรก ทำนาจนเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้ว ต่อมานาง ก. ได้มาบอกเลิกสัญญาด้วยปากเปล่าว่าจะยกเลิกสัญญาและจำนำเงินมาคืนให้ ซึ่งเดิมทีผู้เช่าที่นา (นาง ข) ก็ตกลงที่จะรับเงินคืนซึ่งได้กำหนดวันที่จะให้คืนเงิน แต่ต่อมานาง ก. มิได้นำเงินมาคืนแต่อย่างใด จนถึงรอบที่ต้องทำนาอีกครั้งนาง ข. ตัดสินใจจะทำนาต่อเพราะนาง ก. ไม่นำเงินมาคืน แต่ไม่ทันจะได้ทำนาก็มีนาง ค. ลูกสาวนาง ก. ซึ่งเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิในที่นา ได้แจ้งต่อนาง ข. ผู้เช่าที่นาว่าถ้าทำนาต่อจะแจ้งความจับในข้อหาบุกรุก เพราะตนเป็นเจ้าของที่ถูกต้อง นาง ก. ผู้เป็นแม่ไม่มีสิทธิในที่นา นาง ข. ผู้เช่านาจึงบอกกับ นาง ค. ว่าไม่มำต่อก็ได้แต่ต้องนำเงินมาคืน ซึ่งนาง ค. ลูกสาวนาง ก. บอกปฏิเสธไม่รับ ให้ไปทวงถามกับนาง ก. ผู้เป็นแม่เอง สรุปว่าเรื่องนี้นาง ข. ผู้เช่าที่นาเกิดความเสียหาย อยากทราบว่าสามารถเอาผิดหรือดำเนินการอย่างไรได้บ้างเพื่อจะได้เงินคืน (นาง ข. ไม่ขอเช่าที่นาต่อแต่อยากได้เงินคืน)
ปล.ขอความกรุณาช่วยตอบคำถามและให้ข้อเสนอแนะด้วยนะค่ะ ตอนนี้เดือดร้อนมาก สงสารพ่อกับแม่ท่านเครียดมากค่ะ
ถ้าในเวลาที่เช่านากันนั้นที่ดินยังเป็นของนาง ก.อยู่ การเช่านานั้นก็มีผลผูกพัน ถึงแม้จะบอกเลิก การเลิกนั้นก็ใช้ไม่ได้ นาง ข.ยังมีสิทธิเช่านานั้นต่อไป แม้ต่อมาที่ดินนั้นจะตกเป็นของ นาง ค นางค. จะไม่ให้เช่าไม่ได้ นาง ข.ยังมีสิทธิเช่าอยู่ต่อไป แต่ถ้าที่ดินนั้นไม่เคยเป็นของ นาง ก.เลย โดยเป็นของนาง ค.มาแต่ต้น นาง ก. ก็ไม่มีสิทธินำนานั้นมาให้เช่า การนำมาให้เช่าอาจเป็นการฉ้อโกง หรือผิดสัญญาทางแพ่ง ซึ่ง นาง ข.มีสิทธิฟ้องเรียกเงินคืนจาก นาง ข. พร้อมทั้งค่าเสียหายได้ และถ้าเป็นการฉ้อโกงก็อาจดำเนินคดีอาญากับ นาง ก. ได้