เรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพอย่างสูง
ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ตามสรุปข้อกฎหมายและประเด็นคำถาม ดังนี้ครับ
๑. ข้อกฎหมาย
หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง ที่มีพรบ.จัดตั้งเฉพาะ เช่น สสส. สช. สปสช. สกว. หรือ สพฉ. ในพรบ.จัดตั้งกำหนดให้หน่วยงานของรัฐนั้น มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรมต. และให้มีคณะกรรมการ หนึ่งคณะมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและรวมถึงควบคุมดูแลหน่วยงานของรัฐนี้ให้ดำเนินกิจการไปตามวัตถุประสงค์และแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพรบนี้ได้. ขณะเดียวกันในพรบ.ให้มีผอ.หรือเลขาธิการ เป็นผู้รับผิดชอบบริหารกิจการของหน่วยงาน และเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ และตัวเลขาธิการทำสัญญาจ้างกับประธานกรรมการ
๒.ประเด็นคำถาม (๒.๑) คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่ในเชิงบริหารหน่วยงานนั้นได้หรือไม่ เช่น ตั้งอนุกรรมการบริหาร กำหนดให้มีอำนาจอนุมัติการจัดหาพัสดุ ไม่เกิน ... ล้าน หรืออะไรทำนองนี้ ที่เดิมเป็นอำนาจหน้าที่ของผอ.หรือเลขาธิการ (๒.๒) หากมีการร้องเรียนจากบุคคลภายนอกที่ไม่ประทับใจกิจการของหน่วยงานหรือไม่พอใจนโยบายของคณะกรรมการและผอ.หรือเลขา(เรื่องร้องเรียนมิได้มาจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ) โดยร้องเรียนไปที่รมต.ผู้มีอำนาจกำกับดูแลหน่วยงานนั้น หากรมต.จะออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยอาศัยมาตราที่ระบุว่า หน่วยงานนี้อยู่ภายใต้กำกับดูแลของรมต.แล้ว คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการแต่งตั้ง จะมีอำนาจเพียงใด เช่น เรียก ผอ.หรือเลขา หรือเจ้าหน้าที่มาสอบได้หรือไม่ เพราะคณะกรรมการนโยบายไม่ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รมต.แต่งตั้งเองตามข้อร้องเรียนของบุคคลภายนอก (๒.๓)ถ้าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีอำนาจเรียกบุคคลมาสอบหรือให้ถ้อยคำ อำนาจดังกล่าวมาจากฐานอำนาจใด ผู้ที่ถูกเรียกไปสอบมีสิทธิอ้างให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงปฏิบัติตามพรบ.วิปฏิบัติทางปกครอง เช่นต้องแจ้งประเด็นมาก่อน หรือขอให้ถ้อยคำเป็นหนังสือได้หรือไม่
รบกวนท่านอาจารย์ช่วยให้ความเห็นในแต่ละประเด็นด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
อนึ่งผมได้ศึกษาความเห็นกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ ๕๖/๒๕๓๘ เป็นกรณีของการไฟฟ้าซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่แน่ใจว่าจะเทียบเคียงได้เพียงใด
สุระยัน
กฎหมายของแต่ละองค์กรบางทีก็ไม่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เพราะบางองค์กรก็ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลองค์กร และเรียกให้ชี้แจงในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องได้ บางองค์กรก็เขียนให้กำกับเฉย ๆ ในการกำกับรัฐมนตรีอาจตั้งคณะบุคคลให้สืบสวนหาข้อเท็จจริงแทนรัฐมนตรีได้ ถ้ากฎหมายไม่ได้ระบุให้มีอำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการ การตั้งคณะกรรมการก็เหมือนกับเวลารัฐมนตรีอยากกินกาแฟ ก็เลยวานคนหน้าห้องไปชงให้ คนนั้นเขาก็ไปชงมาให้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ส่วนในการไปชงกาแฟ คนนั้นจะเรียกนักการภารโรงมาถามว่ากาแฟอยู่ไหน น้ำร้อนอยู่ไหน ช้อนอยู่ไหน ถ้าคนที่ถามเป็นผู้มีอำนาจเหนือนักการ ๆ ก็คงต้องตอบ แต่ถ้าเป็นคนนอกที่บังเอิญผ่านมาแวะเยี่ยมรัฐมนตรี ภารโรงใจดีก็คงตอบให้ เกิดอารมณ์ไม่ดีเดินหนีไปเสีย ก็คงไม่รู้จะทำอะไรได้ ถามกว้าง ๆ ก็เลยต้องยกตัวอย่างกว้าง ๆ ไปเทียบเคียงเองก็แล้วกัน ส่วนเรื่องเสร็จที่อ้างมานั้น ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเรื่องอะไร และวินิจฉัยว่าอย่างไร เพราะไม่รู้จะไปดูที่ไหน