เรื่องเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2555 ค่ะ เพื่อนของฉันชวนเพื่อนๆมานั่งเล่นไพ่ที่คอนโดมีทั้งหญิงและชาย แล้วมีเพื่อนผู้ชาย 1 คน นั่งเสพยาบ้าอยู่คนเดียว ในขณะที่เพื่อนๆเล่นไพ่กัน เสร็จแล้วเพื่อนผู้ชายคนนี้ก็เอายาที่เหลือครึ่งเม็ดสอดไว้ใต้ผ้าห่ม โดยที่เพื่อนของฉันไม่ทราบเลย หลังจากทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน ผู้ชายคนนี้ก็พาตำรวจขึ้นมาจับเพื่อนของฉัน และผู้ชายคนนี้ก็อ้างตนว่าเป็นแฟนเพื่อนฉันทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่แฟนกันเลย เพื่อนฉันบอกตำรวจว่ายาไม่ใช่ของตนเอง ไม่รู้เรื่อง จึงบอกให้ตำรวจตรวจปัสสาวะดูก็ได้ แต่ตำรวจไม่ยอมตรวจ และบอกเพื่อนฉันว่า งั้นจ่ายมา 10,000 บาท ค่าประกันตัวก็จบ เพื่อนฉันก็โอเค พอพาตัวไป สถานีตำรวจ เค้าก็ให้เซ็นเอกสารหลายฉบับ ซึ่งเพื่อนฉันก็กลัวมาก และไปคนเดียว ตำรวจก็เทศนาบ่นด่าไปด้วย และบอกเพื่อนฉันว่า"จะอ่านทำไมเอกสาร เซ็นๆไป ทีตอนทำไม่คิดให้ดี ทีตอนนี้จะมาอ่านทำไม เซ็นๆไป" เพื่อนฉันก็ก้มหน้าก้มตาเซ็น ด้วยความกลัว เสร็จแล้วพี่สาวเพื่อนก็มาที่สถานี เพื่อมารับทราบและประกันตัวไป ตำรวจบอกให้จ่าย 500,000 บาทเพื่อประกันตัวไปก่อน เพื่อนเลยงงว่าทำไมตอนแรกบอก 10,000 บาทก็จบ ตำรวจเค้าว่า ตั้งข้อหาให้ว่า "มีไว้เพื่อจำหน่าย" (ในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ ปปส. อยู่กับตำรวจด้วย) เพื่อนจึงสงสัยว่า ยาแค่ครึ่งเม็ด คุณตำรวจตั้งข้อหาขนาดนี้เลยหรือ พี่สาวเพื่อนจึงได้หาทนายมาว่าความค่าจ้าง 200,000 บาท ทนายคนนี้บอกว่า ค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้จนจบคดี คำถามของดิฉันมีอยู่ว่า ทนายที่จ้างจะสามารถไว้ใจได้มากน้อยเพียงใดว่าเค้าจะทำให้เราเต็มที่ และจะไม่เรียกเก็บเงินอีกเรื่อยๆ และเพื่อนของฉันควรทำอย่างไรบ้างนับจากนี้ ฉันขอคำแนะนำจากคุณมีชัยด้วยนะค่ะ สงสารเพื่อน แม้จะทำตัวไม่ค่อยดี ชอบเที่ยวเตร่ แต่ก็ไม่เคยยุ่งกับยาเสพติดเลยค่ะ
ถ้าไม่แน่ใจก็ควรให้เขาทำข้อตกลงเป็นหนังสือว่าค่าจ้างจำนวนนี้ครอบคลุมมากน้อยเพียงไร และที่สำคัญก็คือไม่ควรจ่ายคราวเดียวจนหมด ควรแบ่งจ่าย เขาจะได้มีแรงจูงใจในการทำงานให้