ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ค่าส่วนกลาง
ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
อ่านทั้งหมด
มุมของมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่
ส่งคำถาม
คำสำคัญ
ค้นหาใน
หัวข้อ & เนื้อหาคำถาม
ผู้ส่งคำถาม
เลือกประเภทคำถาม-ตอบ
>
การเมือง
|
กฏหมาย
|
เศรษฐกิจ
|
ทั่วไป
|
มรดก
|
แรงงาน
|
ท้องถิ่น
|
มหาวิทยาลัย
|
ราชการ
|
ครอบครัว
|
ล้มละลาย
|
ที่ดิน
|
ค้ำประกัน
|
22128 ค้ำ
|
archanwell.org
|
ล้างมลทิน
|
24687
|
hhhhhhhhhhh
|
คำถามทั้งหมด
... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม
ปิดหน้าต่างนี้
คำถามที่
หัวข้อคำถาม
โดย
วันที่
046857
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ใช้กฎหมายคดีผู้บริโภคโดยไม่สุจริต
ปิยะชาติ ศิริปะชะนะ
5 พฤษภาคม 2555
คำถาม
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ใช้กฎหมายคดีผู้บริโภคโดยไม่สุจริต
ผมมีเรื่องรบกวนให้อาจารย์ช่วยพิจารณากรณี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ใช้กฎหมายคดีผู้บริโภคที่ไม่ชอบธรรม ดังนี้
1. เรื่องเดิม
1.1 ห้างฯได้จดจำนองที่ดินทุกแปลงของห้างฯกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาตั้งแต่ปี 2522 ปัจจุบันก็ยังเป็นหนี้จำนอง
1.2 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้ ห้างฯ และศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาเมื่อพฤศจิกายน 2552 ให้โจทก์(ธนาคารฯ)เป็นฝ่ายชนะคดี(ไม่เต็มจำนวน)
1.3 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ยื่นอุทธรณ์ และเมื่อกันยายน 2554 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
2. ข้อเท็จจริง
2.1 ในคดีผู้บริโภค(คดี ผ.บ.) กฎหมายได้กำหนดให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด หากคู่ความจะฎีกา จะต้องเป็นฎีกาที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดเท่านั้น
2.2 วันที่ 15 ธันวาคม 2554 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ยื่นคำร้องขอฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค ต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า ฎีกาดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะรับไว้หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทราบผลว่า ศาลฎีกาจะรับฎีกาไว้หรือไม่อย่างไร
2.3 ในฎีกาของธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้อ้างเหตุโดยสรุปว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายเดิมที่ให้ธนาคารฯได้รับชำระหนี้ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่เป็นเท็จ เนื่องจากในคดีล้มละลายเดิมนั้นได้มีการยกเลิกการล้มละลายลูกหนี้ไปแล้ว และธนาคารฯได้ใช้สิทธิ์เจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 95 ไม่ใช่ให้รับชำระหนี้ตามที่ธนาคารฯอ้าง
2.4 ในคดีล้มละลายเดิม ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้เคยยื่นอุทธรณ์(ยื่นโดยตรงต่อศาลฎีกา) ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.313/2527 เพื่อขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กลับมามีอำนาจเพื่อจัดการทรัพย์สินลูกหนี้ภายหลังล้มละลาย และเมื่อ มีนาคม 2554 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกคำร้อง ดังนั้น การนำอ้างเหตุว่า คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง(ในคดีแพ่งปัจจุบัน) เปลี่ยนแปลง แก้ไข คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายที่มีการยกเลิกการล้มละลายไปแล้ว จึงเป็นการอ้างที่ไม่ชอบ คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ธนาคารฯได้รับชำระหนี้ตามที่ธนาคารฯอ้างนั้น ก็ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเลย มีแต่เพียงคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่วางหลักเกณฑ์ให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์เจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 95 ที่มีสิทธิ์ได้รับเท่านั้น ดังนั้นเหตุผลที่ธนาคารฯนำมากล่าวอ้าง ถือเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต
นอกจากนี้ เมื่อปี 2540 ธนาคารฯเคยมีหนังสือระบุว่า แม้ต่อไปลูกหนี้จะได้รับการยกเลิกการล้มละลาย ธนาคารฯจะขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ขอรับหนี้ตามคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่มาวันนี้กลับอ้างเหตุผลเพื่อขออนุญาตฎีกาว่า ธนาคารฯมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ?
2.5 การที่ธนาคารฯพยายามยื่นคำร้องขอฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภค โดยอ้างเหตุข้างต้น ทั้งๆที่ทราบดีว่า อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สิ้นสุดไปแล้วและคำสั่งให้ธนาคารฯได้รับชำระหนี้ที่ธนาคารฯอ้างถึงก็ไม่มี และยังขัดแย้งกับแนวปฏิบัติเดิมที่ธนาคารสงวนสิทธิ์ไว้ อาจจะมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากจะเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต ซึ่งไม่ใช่วิสัยของการดำเนินงานของธนาคารภายใต้กำกับของกระทรวงการคลังของรัฐบาล
2.6 ธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นธนาคารของรัฐ ที่ควรเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ใช่หวังเพื่อประโยชน์สูงสุดของธนาคารแต่เพียงอย่างเดียว ในคดีผู้บริโภคที่บัญญัติให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ก็ยังพยายามหาเหตุฎีกาเพื่อขยายระยะเวลาให้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นให้ได้มากที่สุด แม้บทบัญญัติจะเปิดช่องให้ฎีกาได้แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดกล่าวคือ ต้องเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
ขณะนี้ ห้างฯกำลังได้รับความเสียหายจากการดำเนินการที่อ้างว่าสุจริตของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งนอกจากการที่จะต้องรอคำสั่งจากศาลฎีกาแล้ว อาจารย์คิดว่าจะมีช่องทางใดที่ให้ธนาคารฯยอมรับและทบทวนเหตุผลเพื่อถอนคำร้องขออนุญาตฎีกาดังกล่าวเสีย และหากธนาคารฯไม่ยอมถอนคำร้องโดยต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องธนาคารเสีย ห้างฯจะฟ้องละเมิดหรือข้อหาละเว้นได้หรือไม่อย่างไรครับ
ขอรบกวนอาจารย์ช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยครับ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโทรสอบถามได้ตลอดเวลาครับ
นายปิยะชาติ 087-8886780
คำตอบ
อะไรที่เป็นของทางราชการ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องเดินไปจนถึงที่สุด มิฉะนั้นเขาอาจต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวได้ ถ้าเหตุผลทั้งหมดเป็นอย่างที่คุณว่ามา ศาลฏีกาก็คงยกคำร้อง ถ้าคุณเรกงว่าดอกเบี้ยจะวิ่งต่อไป ก็อาจแก้โดยวิธีนำเงินไปวางศาลเสีย ดอกเบี้ยก็จะหยุด
มีชัย ฤชุพันธุ์
5 พฤษภาคม 2555