ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    047150 ไม่ใช่คู่สัญญาแต่ไปเซ็นต์รับเงินกลัวโดนฟ้องณัฐกานต์9 มิถุนายน 2555

    คำถาม
    ไม่ใช่คู่สัญญาแต่ไปเซ็นต์รับเงินกลัวโดนฟ้อง

    กราบเรียนอาจารย์ มีชัย ผมมีเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากท่านดังนี้ครับ

    เมื่อประมาณปลายเดือนตุลา ปี 53 พี่ชายที่ผมรู้จักที่ทำงานด้วยกันบอกว่ามีคนมาว่าจ้างสร้างหอพัก ชั้นละ 6 ห้อง 2 ชั้น ราคา  2,560,000 บาท  จากนั้นเขาก็ได้ไปทำสัญญากันโดยทำเป็นคู่สัญญาอย่างละ 1 ฉบับ โดยมีนาง ก. เป็นผู้ว่าจ้าง(อยู่ต่างประเทศ) สัญญาระบุระยะเวลาก่อสร้าง 220 วัน   และนาง ข. ผู้เป็นแม่ (คนละนามสกุล และไม่ได้มีใบมอบอำนาจลงนามเป็นผู้ว่าจ้าง ) พี่ชายที่รู้จัก ลงนามเป็นผู้รับจ้าง ส่วนผมเว็นเป็นพยานผู้รับจ้าง และพ่อเลี้ยงนาง ก. เซ็นเป็นพยานผู้ว่าจ้าง   จากนั้นประมาณต้นปี 54 พี่ชายคนที่เป็นผู้รับจ้างก็ไม่มาอีกเลย ไม่ทราบไปไหน ผมและเพื่อนร่วมงานจึงได้รวมตัวกันเพื่อที่จะทำงานหลังนี้ให้เสร็จ โดยเบิกเงินหลังจากที่ทำงานได้ตามงวดงานที่เขาได้ทำกันไว้ก่อนหน้านี้โดยไม่ได้เปลี่ยนคู่สัญญาใหม่ ส่วนการรับเงินผมก็เซ็นต์รับเงินหลังงวดงานที่ทำไว้ในคู่สัญญา ทำมาเรื่อยๆจนถึงช่วงที่น้ำท่วมหนัก การผลิตวัสดุและการขนส่งก็ทำให้ล่าช้า วัสดุบางตัวก็เลิกผลิต การเบิกเงินจากนาง ข. ก็ทะยอยให้ โดยให้เหตุผลว่าเงินที่โอนมาผิดบัญชีบ้าง เงินที่โอนมาเป็นจำนวนเยอะมาต้องทะยอยโอนเพราะกลัวทางการจะตรวจสอบ ซึ่งเป็นเวลาหลายวันกว่าจะได้ครบ บางทีเดือนกว่า ทำให้ผมเอาเงินออมส่วนตัวที่มี และเงินที่ได้หลังแต่งงาน มาสำรองซื้อวัสดุและจ่ายค่าตอบแทนคนทำงาน ผมและเพือนร่วมงานก็ทำงานไปตามเนื้องานตามที่ระบุไว้ในสัญญา   ระหว่างที่ยังเบิกไม่ได้ ผมก็สำรองจ่ายไปก่อน จากนั้นนาง ข. และพยานนาง ข. ก็หายไป นาง ก.ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ก็ให้น้าเข้ามาดูและงาน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นน้องผู้หญิงซึ่งเป็นญาติกัน

    งานก็เริ่มสะดุดเริ่มติดขัดเนื่องจากต้องรอการตัดสินใจจากนาง ก. ซึ่งอยู่ต่างประเทศ แล้วน้องที่มาดูแลแทนถึงจะมาบอก แต่คนที่ทำงานก็ยังทำงานอยู่เพื่อรอการตัดสินใจ ส่วนคนที่มาดูแลแทนก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ทำให้งานเริ่มล่าช้า

    ระยะเวลาผ่านมาจนพ้นกำหนดในสัญญา ทางคนทำงานก็ทำงานอย่างต่อเนื่อง

    บางทีมีงานเล็กๆเข้ามาผมก็หาคนไปทำเพื่อที่จะได้เงินเข้ามาซื้อของและจ่ายค่าตอบแทนในรหว่าที่ยังเบิกเงินไม่ได้  งานดำเนินมาเรือยๆจนถึง เดือน มกรา 55 นาง ก. ก็กลับมาประเทศไทย และถามว่าติดอะไร ผมบอกว่าติดปัญหาเรื่องเงิน ผมไม่มีเงินซื้อของ  นาง ก. จึงให้เงินซื้อของมาจำนวนหนึ่งแต่ไม่ได้ให้ค่าแรงมา อีกทั้งเงินที่ให้มาก็ซื้อของมาทำในส่วนที่นอกเหนือไปจากที่ได้แจ้งไว้ และเงินส่วนต่างที่เกินจากการซื้อของผมก็เป็นคนออกไปก่อน พอไปเบิกเขาบอกว่าจะให้พร้อมกับงวดสุดท้าย ผมก็ต้องหาเงินเข้ามาทำงานเองอีกเพื่อที่จะทำให้งวดงานเสร็จ  หลังจากที่เขากลับไปต่างประเทศคนทำงานก็ทำงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 55 ที่ผ่านมา เขากลับมาเมืองไทย แล้วไปดูที่อาคาร เขาถามว่างานเหลืออะไรบ้างขาดอะไร ผมบอกว่าผมไม่มีเงินซื้อของ เขาเลยให้พ่อเขามาคุยผมก็ชี้แจงงานที่เหลือแล้วก็พาเขาไปดู ซึ่งเขาก็ได้ให้ช่างที่เขาไว้ใจไปตรวจดูงานด้วยช่างที่ไปด้วยบอกว่างานก็ใกล้เสร็จแล้วเหลืออีกนิดเดียวก็เสร็จ พ่อเขาสรุปว่า ทางเขาจะซื้อของให้ แล้วก็ให้ผมไปเบิกมาทำ ผมก็ตกลงเพราะอยากมีของทำงานเพราะงานที่ทำมา ถ้าประเมิณจากงานทั้งหมดก็ประมาณ 80% หรือมากกว่า  ผมก็ไปเบิกของมาทำระหว่างนั้นก็ไปตามร้านวัสดุต่างๆเพื่อขอราคาแล้วเอาใบราคาจากร้านมาให้เขา หลังจากนั้นประมาณต้นเดือน พฤษภา 55 นาง ก.ได้เรียกผมเข้าไปพบที่บ้านถามว่าจะเอายังไง เอาแบบไหนว่ามา ผมก็บอกว่าผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว เขาก็บอกว่างานก็ช้า ทำงานไม่ได้คุณภาพ แล้วสุดท้ายก็บอกว่าให้ไปเจอกันที่ศาล ผมพยายามอ้อนวอนเขา เพราะผมเองก็ไม่มีเงินที่จะไปต่อสู้รบปรบมืออะไรกับเขา เขาก็บอกว่าถ้าไม่มีเงินก็คงต้องยึดทรัพย์ ไม่มีทรัพย์ก็คงต้องล้มละลาย ผมก็กลัวเพราะผมทำมาหากิน ผมไม่รู้จักทะนายความที่ไหน 

    หลังจากที่คุยกันเย็นวันนั้น ตอนเช้าเขาก็ล้อมรั้วห้ามไม่ให้เข้าไป ห้ามนำของอะไรก็ตามออกมา แต่พวกเราก็ไม่ได้เข้าไป เพราะกลัวเขาบอกว่าถ้าเข้าไปเขาจะจับ

    หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ส่ง EMS ไปที่บ้านผม เป็นหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญากับพี่ชายที่หนีหายไป โดยส่งไปบ้านผม ทั้งที่ผมไม่ได้เคยให้ที่อยู่ไว้

    ถ้าหากจะนับเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา1 ปี 5 เดือนถ้ารวมเวลาทั้งหมดเป็นเวลา 2 ปี กับอีก ประมาณ 2 เดือน

    ผมจึงมึข้อสงสัยที่จะเรียนถามท่านดังนี้

    1. ผมมีความผิดหรือไม่ เขาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายผมได้หรือไม่

    2. หลังจากบอกเลิกสัญญาแล้วยังจะต้องรับผิดชอบอยู่หรือไม่ สามารถฟ้องร้องได้หรือไม่

    3.เลยกำหนดเวลาในสัญญามา 1 ปี กว่า แล้วเพิ่งจะมาทำการฟ้องร้องได้หรือไม่

    4. แบบแปลนที่เปลี่ยนแปลง แต่ผมไสมารถทำหนังสือได้เพราะผมไม่ใช่คู่สัญญา ผมจะชี้แจงอย่างไร

    5.ผมไม่ใช่คู่สัญญา เงินที่ผมสูญเสียไปสามารถเรียกเก็บคืนได้หรือไม่ อย่างไร

    6.หากมีผู้รับเหมารายใหม่เข้าไปดำเนินการต่อ และมีการต่อเติมเปลี่ยนแปลง คาวมรับผิดนั้นยังตกอยู่ที่คู่สัญญาเดิมหรือไม่

    7.หากเกิดข้อพิพาทย์ การชี้วัดว่าสวยหรือไม่ ใช้มาตฐานใดเป็นเครื่องวัด

      ท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ให้ความเมตาชี้แจงเรื่องราวข้อสงสัยให้ทราบ  ขอกราบขอบพระคุณครับ

    คำตอบ

    1. ตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าทำสัญญากันไว้อย่างไร และคุณทำตามสัญญานั้นหรือไม่

    2. โดยปกติ ถ้ามีการบอกเลิกสัญญาฝ่ายที่ทำผิดและทำให้อีกฝ่ายเสียหาย ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

    3. ได้

    4. นั่นซี เมื่อคุณไม่ใช่คู่สัญญาตามสัญญาที่ทำกันไว้ และถ้าเขาฟ้องคนที่เซ็นสัญญากับเขา คุณก็คงไม่เป็นไร

    5. ได้ แต่คงต้องปรึกษากับทนายความ เพื่อเขาจะได้ตั้งรูปคดีเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก

    6 ถ้าเป็นสัญญาปกติ และคู่สัญญาทำผิดสัญญา หากเขาต้องไปจ้างคนใหม่มาทำ และต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเท่าไร เขาก็อาจฟ้องคู่สัญญานั้นได้

    7. การก่อสร้างต้องเป็นไปตามแบบแปลน ส่วนจะสวยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องความรับผิดของผู้ก่อสร้าง ตราบเท่าที่ทำถูกต้องตามแบบแปลน


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    9 มิถุนายน 2555