เนื่องด้วยคุณแม่ไม่รู้หนังสือ (สามารถเขียนได้แต่ชื่อตัวเองเพราะลูกๆสอนให้) ถูกหลอกให้เซ็นต์ซื้อเป็นผู้ค้ำประกันในการขอกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่งเพื่อซื้อที่ดินว่างแปลงหนึ่ง 200 ตรว แต่ปรากฏคนซื้อไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ธนาคาร ธนาคารจึงฟ้องศาล ศาลตัดสินให้ ผู้ซื้อและ ผู้ค้ำร่วมกันใช้เงิน 5 ล้านบาท วันพิพากษาคือวันที่ 12 ก.ค. 45 ปรากฎว่าพวกผู้กู้และผู้ค้ำคนอื่นหนีหายหมด ธนาคารมาเรียกร้องจากแม่ซึ่งแม่มีสมบัติอยู่2 อย่างคือ 1)ตึกเก่าๆที่ทุกคนในบ้านใช้อาศัยอยู่ทุกวันนี้ 2)ที่ดินเปล่าที่ต่างจังหวัดอีก 1 แปลง ปรากฎว่ากลางเดือน พ.ค. 55 มีหมายศาลมาแขวนที่หน้าตึกว่าธนาคารจะยึดตึกเพื่อขายทอดตลาดแต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่ขายทอดตลาดที่แน่นอน และระบุในจดหมายว่าหากใช้หนี้ไม่พอจะยึดทรพย์สินอื่นๆอีก ตอนนี้ทุกคนทุกหนัก และได้ลองไปดูเรื่องที่กรมบังคับคดีพบว่า ธนาคารทำการซื้อที่ดินแปลง 200 ตรว ที่ค้ำประกันการกู้นี้อยู่ไปแล้วเป็นเงิน 2 ล้านบาท และเท่าที่พิจารณาจากเอกสารอื่นที่กรมบังคับคดีพบว่าขณะนี้ธนาคารพบแต่ทรัพย์สินแม่ที่เป็นตึกเท่านั้นยังไม่พบที่ดินแม่อีก 1 แปลง รบกวนขอสอบถามดังนี้คะ
1) วันที่ศาลพิพากษาคดีนี้คือ 12 ก.ค. 45 เท่าที่นับดูวันที่ 13 ส.ค. 55 นี้ก็จะครบ 10 ปี 1 เดือน เท่ากับหมดอายุความ แต่กรณีนี้เขาประกาศบังคับคดียึดตึกแม่แล้วยังไงกระบวนการขายทอดตลาด ก็ต้องเกิดแน่นอนใช่ไหมคะ
2) หากตอนนี้เขาตรวจทรัพย์สินแม่ได้แค่ตึก ไม่เจอที่ดินที่ต่างจังหวัดอีก 1 แปลง และหากเลยวันที่ 13 ส.ค. 55 นี้ไปแล้วแล้วเขาขายทอดตลาดตึกแม่ได้เงินมาไม่พอจ่ายหนี้ทั้งหมดเขาจะสามารถตามหาทรัพย์สินอื่นของแม่เพิ่มอีกได้ไหมคะ เพราะหลังจากวันที่ 13 ส.ค. 55 ระยะเวลามันเลยอายุความ 10 ปีแล้วหนะคะ
ขอบคุณคะ
1. ถ้าอยู่เฉย ๆ การบังคับคดีก็คงเกิดขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคำนวณแล้วเห็นว่าขาดอายุความในการบังคับคดี ก็ควรไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อศาลจะได้สั่งระงับ
2. ถ้าพ้นอายุความบังคับคดีแล้ว เขาก็บังคับคดีไม่ได้