กราบเรียนท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ที่เคารพนับถือ
ขออภัยท่านอาจารย์ที่ตั้งคำถามลอยๆ ขอถามคำถามใหม่ว่า ในคดีความอาญาปลอมเอกสาร แอบอ้างใช้สิทธิ ปลอมใช้สิทธิแทนแสดงตัวตนเป็นผู้อื่น ในการ เบิค่าสินไหมทดแทนของพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ.2535 เป็นค่ารักษาพยาบาลผู้ร้องจากบริษัทประกันภัย ( ในข้อเท็จจริงผู้ร้องได้ทำการรักษาด้วยประกันภัยประเภท 1 ชั้น 1 ของผู้ต้องหามาตั้งแต่ต้น โดยที่ผู้ร้องไม่รู้เรื่องเลยจำนวนค่าสินไหมทั้งหมด 1 แสนบาท ในเบื้องต้นผู้ร้องไม่มีเอกสารหลักฐานเพียงพอ ตามข้ออ้างของตำรวจเขาจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี โดยให้เหตุผลว่าผู้ต้องหาได้ดำเนินการเบิกค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัยพ.ร.บ.รถ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะทำให้ผู้กล่าวหาเสียหายจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีตามตำรวจ ต่อมาพอเราเอาสำเนาเอกสารปลอมไปแสดงเขากลับบอกว่าอัยการเจ้าของสำนวนย้ายไปแล้ว บอกให้ผู้ร้องไปฟ้องคดีเอาเองตามกฎหมายอาญามาตรา 28 ตอนนี้มีเอกสารกลักฐานใหม่มีพยานบุคคลที่ดำเนินการปลอมเอกสารตามคำสั่งผู้ต้องหาผู้ร้องต้องการฟ้องคดีผู้ต้องหา ตำรวจ อัยการ เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในคราวเดียวกัน โดยแยกเป็นสำนวนคำฟ้องสามสำนวน มีข้หาที่เหมือนกันและต่างกันตามสถานภาพของทั้งสามตามเอกสารหลักฐานที่ปรากฎและมีพยานในการฟ้องคดี ซึ่งไม่ได้เป้นฝ่ายผู้ต้องหาแล้ว สามารถดำเนินการได้ไหม ถ้าฟ้องคดีความอาญาบุคคลทั้งสาม โดยไม่มีความกังวลว่าจะแพ้คดีขอถามเพียงว่า ผู้ร้องสามารถฟ้องคดีความอาญาผู้ต้องหา ตำรวจ อัยการ ต่อศาลคดีอาญาในคราวเดียวกันด้วยเอกสารหลักฐานอันเดียวกันแต่แยกสำนวนคำฟ้องเป็นสามสำนวนเพราะเป็นเจ้าพนักงานจึงมีข้อหามากน้อยแตกต่างกัน ของบุคคลทั้งสาม ผู้ต้องหาได้มีการติดต่อขอชดใช้เพียงสามหมื่นบาทผู้ร้องไม่ยินยอมตกลงแม้ว่าจะบอกว่าเงินนั้นเป็นเงินพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไม่ใช่เงินของผู้ร้องจริงๆสักหน่อยและเป็นพ.ร.บ.รถของผู้ต้องหาเองและผู้ต้องหาก็เป็นฝ่ายผิดตามคำพิพากษาของศาลในข้อหาประมาทขับรถชนผู้ร้องอันตรายสาหัสแก่กายและจิตใจทรัพย์สินเสียหายจำคุก 1 ปีปรับ 3 พันบาทสาเหตุเพราะผู้ต้องหาได้ปฏิเสธต่อสู้คดีตลอด ขอถามปัญหาท่านอาจารย์ใหม่ให้ชัดเจนว่าผู้ร้องต้องการฟ้องบุคคลทั้งสามเป็นคดีความอาญาในคราวเดียวกันพร้อมกันต่อศาลได้ไหมโดยผู้ร้องไม่มีปัญหาเรื่องเอกสารหลักฐานมีแน่นอน พยานมีแน่นอน คดีนี้เกิดตั้งแต่ปี 2550 แต่เอกสารหลักฐานถูกซุกซ่อนเบี่ยงเบน ในข้อเท็จจริง สำนักงานอัยการเขาก็อ้างว่าเจ้าของสำนวนย้ายไปแล้วให้ผู้ร้องไปดำเนินการฟ้องผู้ต้องเองตามกฏหมายอาญามาตรา 28 ส่วนตำรวจไม่มีปัญหาสามารถติดต่อได้เพราะรู้จักบ้านตำรวจแล้วคนในบ้านบอกว่าไปรับราชการต่างจังหวัด ผู้ร้องต้องการฟ้องบุคคลทั้งสามพร้อมกันที่ร่วมกันทุจริตและร่วมกันทุจริตในหน้าที่ทั้งที่มีเอกสารหลักฐานในคดีตั้งแต่ต้น
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง