ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    047408 คณะกรรมการกำหนดราคากลางพูนศิริ12 กรกฎาคม 2555

    คำถาม
    คณะกรรมการกำหนดราคากลาง

    เมื่อปี 2545 สามีรับราชการตำแหน่ง นักวิชาการเกษตร ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างถนนลาดยางบนดอย ร่วมกับนักวิชาการเกษตรอีก 1 คน และนายช่างชลประทานอีก 1 คน  รวมเป็น 3 คน

    - เมื่อปี 2551 สตง.ได้เข้าตรวจสอบและกล่าวหาว่าคณะกรรมการกำหนดราคากลางประมาณเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยคำนวณปริมาณงานเกินกว่าที่กำหนดในแบบรูปรายการทำให้ราคากลางสูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท 

    - ทางสำนักงานของสามี (สมมุติว่าชื่อ สำนักงาน ก.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง  และพิจารณาว่า คณะกรรมการกำหนดราคากลางมิได้ทำให้ราชการเสียหาย  เนื่องจาก ข้อเท็จจริงที่สามีและกรรมการกำหนดราคากลางท่านอื่นเพิ่งจะทราบเหมือนกันเมื่อ สตง.กล่าวหาเช่นนั้น และได้ไปค้นหาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง (เอกสารได้มาไม่ครบ 100% สูญหายไปบ้างส่วน) คือ เมื่อคณะกรรมการฯ คำนวณราคากลางเสร็จสิ้นแล้วได้ส่งมอบ BOQ (แบบรูปรายการ) และเค้าโครงแบบก่อสร้างคืน พร้อมราคากลาง (สมมุติว่า 36 ล้านบาท) ให้แก่สำนักงาน ก. (ชื่อสมมุติ) ซึ่งถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจของคณะกรรมการกำหนดราคากลาง  แต่ในขั้นตอนการเสนอผู้ว่าราชการลงนามประกาศประกวดราคา กลับแจ้งในหนังสือว่า ราคากลางเท่ากับ 33 ล้านบาท ซึ่งผู้ว่าฯ ก็อนุมัติตามนั้น (33 ล้านบาท) พร้อมทั้งเอกสารประกอบการประกวดราคาและแนบท้ายสัญญา เมื่อรวมราคาแล้วก็เท่ากับ 33 ล้านบาท ซึ่งเป็นคนละรายการกับของคณะกรรมการกำหนดราคากลาง  ซึ่งเป็นราคาและแบบรูปรายการของ นาย ป. ซึ่งสำนักงาน ก. ได้ร้องขอมาให้ช่วยในการออกแบบก่อสร้างถนนตั้งแต่เริ่มแรก  ซึ่งเท่ากับว่า สำนักงาน ก.ไม่ได้ใช้ BOQ และราคากลางของคณะกรรมการกำหนดราคากลาง แต่ไปใช้ของ นาย ป. แต่สำนักงาน ก. ก็ไม่ได้ยกเลิกราคากลาง 36 ล้านบาทของคณะกรรมการฯ  รวมทั้งเอกสารบางแห่งก็พิมพ์ 36 ล้านบาทบ้าง 33 ล้านบาทบ้าง  รวมทั้งตัวเลขและตัวอักษรก็ไม่ตรงกัน จึงเชื่อได้ว่าราคากลางที่ใช้อ้างอิงในการประกวดราคามิใช่แบบรูปรายการ (BOQ) และราคากลางที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้คำนวณและส่งมอบให้สำนักงาน ก. คณะกรรมการกำหนดราคากลางจึงมิได้ทำให้ราชการเสียหาย จึงมิได้ทำคำสั่งให้ชดใช้

    - เวลาผ่านไป จนเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 มีหนังสือจากกระทรวงการคลังแจ้งให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางทั้ง 3 คน ชดใช้เงินคนละส่วนเท่าๆ กัน และหากเป็นไปตามระเบียบฯ ว่าด้วยละเมิด ทางสำนักงาน ก.ก็คงจะต้องทำคำสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ซึ่งทางคณะกรรมการกำหนดราคากลางก็คงต้องไปตามสิทธิที่มี

    - ที่บรรยายมาอย่างยืดยาว เพื่อให้อาจารย์ได้สบายใจว่ามิได้ให้คำปรึกษากับผู้ที่ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ  จึงขอเรียนถามอาจารย์ดังต่อไปนี้

      1. เหตุผลของคณะกรรมการกำหนดราคากลาง ก็คงมีเพียงว่า แบบรูปรายการ (BOQ) และราคากลางที่คณะกรรมการฯ กำหนดและส่งมอบให้สำนักงาน ก. เป็นคนละชุดกับราคากลางที่ใช้แนบท้ายประกาศประกวดราคาและแนบท้ายสัญญา ซึ่งได้ชี้แจงไปกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้วและส่งให้กระทรวงการคลังจนมีคำวินิจฉัยดังกล่าว จะยังใช้ชี้แจงได้อีกหรือไม่ เพราะเหตุผลดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แม้ว่าเอกสารหลักฐานจะไม่ครบถ้วนแต่ก็สามารถใช้อ้างอิงได้

    2. หากจะยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้จะได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ศึกษาดูในเรื่องของอายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่มีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้สอบสวนแล้วและมีความเห็นว่าไม่ต้องชดใช้เมื่อปี 2551 ในขณะที่กระทรวงการคลังมีความเห็นว่าต้องชดใช้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2555

    3. หากต้องอุทธรณ์ศาลปกครอง โดยเหตุผลตามข้อ 1 จะมีแนวโน้มว่าศาลปกครองจะพิจารณาตัดสินอย่างไร จะพ้นข้อกล่าวหาหรือไม่

        หากไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากนี้ได้อีก คงเหลือที่พึ่งสุดท้ายคือ ศาลปกครอง แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าศาลจะพิจารณาว่าอย่างไร ขณะนี้สามีเกษียณอายุราชการ เหลือเพียงบำนาญเดือนละไม่ถึง 2 หมื่นบาท ทราบมาเบื้องต้นว่าคำสั่งจะให้ชดใช้คนละ 3 ล้านกว่าบาท ภายใน 60 วัน รับราชการมาทั้งชีวิตยังไม่มีเงินมากขนาดนั้นเลย และก่อนที่จะมีคำสั่งกระทรวงการคลังก็หวังเพียงอยากมีชีวิตเรียบง่ายหลังเกษียณ พอมาเจอปัญหานี้เข้ากลับอยากจะตายๆ ไปให้พ้นๆ แต่ก็ไม่ได้อีกเพราะจะเดือดร้อนไปถึงลูกหลาน หวังว่าอาจารย์คงจะเข้าใจความรู้สึกที่ว่านี้ได้ดีน่ะค่ะ

    ขอบพระคุณอาจารย์ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

    คำตอบ
    เอกสารที่ใช้อ้างอิงนั้น เมื่อมีเรื่องถึงที่ไหน ก็ใช้ได้เสมอ (ถ้าเป็นเอกสารที่แท้จริงของทางราชการ)  กรณีของคุณควรฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง โดยไปพิสูจน์ในศาลว่าสามีคุณไม่ได้ทำผิดหรือต้องรับผิดตามที่กระทรวงการคลังสั่ง   ควรรีบไปฟ้องเสียโดยเร็ว เพราะถ้าปล่อยช้าไว้ จะหมดอายุความในการฟ้อง การฟ้องศาลปกครองจะไม่มีทนายความก็ได้ แต่ควรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่ศาลปกครอง เขาจะได้แนะนำว่าควรเขียนอย่างไร
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    12 กรกฎาคม 2555