ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    047419 ผิดสัญญาจะซื้อจะขายหรือไม่ครับชาณัฐ14 กรกฎาคม 2555

    คำถาม
    ผิดสัญญาจะซื้อจะขายหรือไม่ครับ

    -ผมตกลงขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในปลายเดือนมีนาคม 2554 โดยผู้จะซื้อ นางมาลี-นายกิตติศักดิ์  โดยตกลงให้รอเงินมัดจำจะมัดจำให้ 100,000.-บาท ต่อมาในวันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ได้ทำหนังสือสัญญาจะซือจะขายกัน โดยมัดจำไว้เป็นเงิน 80,000.-บาท ไม่ได้ระบุกำหนดวันโอนไว้  โดยผมเองและภรรยามีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างนั้น ติดจำนอง ธนาคารกรุงไทย จำกัด   ผมได้แจ้งให้ผุ้จะซื้อทราบแล้ว ว่าจะต้องนำเงินสองล้านไปไถ่ถอนจำนองก่อนแล้วจึงนำโฉนดมาไถ่ถอนและโอนกัน  ผมเร่งที่จะโอนเพราะผมเป็นหนี้ธนาคารฯหากไม่ไถ่ถอนเดี๋ยวธนาคารจะฟ้องยึด  ผู้จะซื่อจึงกู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมาไถ่ถอนเพื่อรอโอน โดยไปชำระกันที่ธนาคารฯ ในวันที่ 1 กันยายน 2554 ผมจึงทำสัญญาจะซื้อจะขายอีกหนึ่งฉบับ และลงจำนวนเงินเป็นจ่ายมา 2,080,000.-บาท ไม่ระบุวันทีจะโอนอีก ผู้จะซื้อบอกว่าจะไปยืมเงินพี่สาวมาโอนให้ภายในเดือนกันยายน 2554 ครับ หลังจากทำสัญญากันได้สามวัน ผู้จะซื้อบอกว่าไม่สามารถหาเงินได้ทัน จะขายต่อให้คุณพีรวัฒน์  โดยผมให้เจรจาตกลงกันเอง ทั้งสองตกลงกันว่าจะมัดจำ 1 แสนบาทและจะจ่ายเงินกันภายในวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ให้ทำบันทึกขึ้นให้ทุกคนรับทราบ ผมจึงทำบันทึกขึ้นมาทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายโดยกำหนดโอนภายในวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ทุกคนรับทราบ ปรากฎว่านายพีรวัฒน์ ผู้จะซื้อรับทราบบันทึกแล้ว ให้รอจ่ายเงินหนึ่งแสนบาทตอนเย็น เมื่อถึงเวลา ก็ไม่จ่ายให้กับผม และนำบันทึกติดไปด้วย/ต่อมาเมื่อถึงวันที่ 4 ตุลาคม ผุ้จะซื่อทั้งหมดนิ่งเฉย ผมโทรแจ้งหลายครั้งจนทุกคนปิดมือถือหนีครับ /จากนั้นผมจึงต้องทำหนังสือบอกกล่าวให้มาทำการโอนกันภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2554 โดยทำเป็นจดหมายตอบรับ(ใบตอบรับเก็บไว้ครับ) ทุกคนนิ่งเฉยไม่ยอมมาโอน เมื่อมกราคม 2555 ผู้จะซื้อแจ้งว่าตนเองกู้เงินมาสองล้านยังเก็บผลประโยชน์อะไรไม่ได้เลย/เพราะเชื่อนายพีรวัฒน์ คิดว่ามีเงินจะซื้อกับไม่มีเงิน/ผมจึงเห็นใจให้ไปเก็บค่าเช่าอาคารซึ่งทำเป็นห้องแบ่งให้เช่า10 ห้อง จากเดือนกุมภาพัน ถึงเดือนเมษายน 2555 ผมจึงแจ้งให้ผู้จะซื้อออกโดยให้ผู้เข่ารายใหม่ไปทำ และให้ผู้จะซื้อไปเก็บค่าเข่าเดือนละ 10,000.-บาท เพราะสาเหตุว่าผู้เช่าในแต่ละห้องขอเลิกเช่าเพราะผุ้จะซื้อไม่ยอมดูแลเก็บกวาด ทำให้ตึกอาคารสกปรกมากผู้อาศัยอยู่/จึงไม่อยากอยู่    จากนั้นผมแจ้งให้ผู้จะซื้อซึ่งเก็บโฉนดที่ดินพร้อมสัญญากู้เงินและสัญญาจำนอง ที่ธนาคารกรุงไทย คืนมาให้เพื่อทำการไถ่ถอน ไปทำการไถ่ถอนที่ดินที่สำนักงานที่ดิน แต่ผู้จะซื้อบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไป ผมจึงบอกว่าไม่มีปัญหาหรอกแล้วก็ถือโฉนดไว้รอพี่มีเงินแล้วจึงไปโอนกัน  เขาไม่ยอมผมจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นผมก็จะขอเลิกสัญญาริบมัดจำตามที่ระบุไว้ในหนังสือบอกกล่า  ผู้จะซื่อฟ้องผมเป็นคดีอาญาดังนี้

    1.แจ้งความเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 ว่าผมและภรรยาฉ้อโกงเงิน

    2.ร้อยเวรมีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 12 มิถุนายน 2555 โดยแห่กันไป 1 คันรถไปที่หอพักผม และที่บ้านพัก และที่ทำงานภรรยาผม ซึ่งทำงานราชการ สำนักงานเขตพื่นที่การศึกษา ประถมศึกษา เขต 1 ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงตกใจ/และที่ทำงานภรรยาผมมีเจ้าหน้าที่ ประมาณ 2 ร้อยกว่าคนตกใจว่าไปฉ่อโกงใครมาครับ

    3.ผมรู้ภายหลังว่าหลักทรัพย์ผมถูก บสก.ขอคุ้มครองชั่วคราวจากศาลไว้ตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2554 ในคดีแพ่งข้อหายักยอกทรัพย์ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะโกงใครเลย  ผมจึงขอเรียนถามอาจารย์ว่าผมควรจะทำอย่างไรดีครับ จึงจะจบเรื่อง เพราะ บสก.ฟ้อมเรียกค่าเสียหายผมกำลังขึ้นศาลแพ่งอยู่ครับ คาดว่าปี 56 คงจะจบครับ

      ขอเรียนถามว่า ผู้จะซื่อไม่มีเจตนาที่จะโอนจะฟ้องเรียกเงินคืนได้หรือไม่/และจะเอาคดีอาญาเรื่องฉ่อโกงได้หรือไม่ เพราะผมก็มีเอกสารเก็บไว้ทุกฉบับ พร้อมหนังสือแจ้งให้มาทำการโอนกัน หากมาทำการโอนกันตามที่แจ้งก็จะรู้ว่าพูกคุ้มครองชั่วคราว/ผมก็จะรับผิดชอบครับ /เพียงแต่เขานิ่งเฉยตลอดโทรก็ไม่รับสาย ปิดมือถือหนี ไม่มาเจรจาเลยครับ ขอบคุณครับผม

     

    คำตอบ
    ถ้าที่ดินนั้นเป็นของ บสก.ไปแล้ว คุณก็ไม่มีสิทธิไปขาย จึงอาจเข้าข่ายฉ้อโกงได้  ที่คุณเล่าว่าได้ไปไถ่จำนองจากธนาคารนั้น ถ้าได้ไถ่กันจริง ที่ดินนั้นก็ไม่ควรถูก บสก.ยึดไปได้  ข้อเท็จจริงที่เล่ามาไม่ชัดเจน จึงยากที่จะตอบคำถามได้
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    14 กรกฎาคม 2555