หนูมีเรื่องขอรบกวนขอคำชี้แนะจากอาจารย์ดังนี้ค่ะ
น้องถูกทำร้ายร่างกาย มีพยานเห็นเหตุการณ์ 5 คน สองคนแรกคือนาย ก. และ ข. ให้การกับตำรวจว่าเห็นเหตุการณ์ ส่วนพยานอีก 2 คนคือ นาย ค. และ ง. เห็นเหตุการณ์แต่บอกว่าไม่เห็นเพราะไม่อยากไปศาล ส่วน นาย จ.เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ได้ให้การว่าเห็นหรือไม่เห็น แต่บอกว่าเห็นน้องและคู่กรณีชกต่อยกัน ตำรวจสอบพยานทั้งห้าแล้วสั่งฟ้อง อัยการฟ้องด้วยเช่นกันและอัยการบอกว่าจะนำพยานทั้งห้าคนข้างต้นมาเบิกความต่อศาลในฐานะพยานโจทก์ อยากเรียนถามอาจารย์ว่า
1. นาย ก. และ ข. เบิกความเป็นประโยชน์แก่เรา แต่ ค. และ ง. เบิกความว่าไม่เห็นเหตุการณ์แล้วอัยการจะเอามาเป็นพยานฝ่ายเราทำไมค่ะ ถามอัยการเช่นนี้ อัยการบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ
2. ส่วนนาย จ. อัยการก็เอามาเบิกความฝ่ายเราด้วย และนาย จ. เป็นพยานของฝ่ายจำเลย หนูสงสัยมากว่าหากนาย จ. เบิกความเป็นปรปักษ์กับเราคดีเราไม่เสียหายหรือค่ะ ถามอัยการแล้ว อัยการบอกว่าหากเขาเบิกความเท็จเราก็ฟ้องเขาได้ แต่เราต้องการชนะคดีนี้ก่อนนิค่ะ จะทำให้คดีเราแพ้แล้วไปฟ้องพยานเบิกความเท็จทำไมกัน หนูสงสัยอัยการมาก เอาพยานมาศาลเยอะแยะหากไม่มีประโยชน์ต่อเราจะทำทำไมกัน ทำให้ศาลสงสัยพยานเราซะเปล่าๆ
3. นาย จ. เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ยอมให้การกับตำรวจว่าเห็นเหตุการณ์ เพื่อช่วยผู้ต้องหามิต้องได้รับโทษเช่นนี้เราสามารถฟ้องเขาได้เลยไหมว่า แจ้งข้อความอันเป็นเท็จกับตำรวจ หรือมีข้อหาอื่นใดอีกที่สามารถเอาผิดเขาได้ เนื่องจากเขาจงใจไม่ให้การว่าเหตุการณ์ว่าน้องถูกทำร้ายค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์ล่วงหน้าด้วยค่ะ
1-2 คงตอบไม่ได้ว่าทำไมอัยการถึงทำเช่นนั้น เขาคงมีเหตุผลของเขากระมัง
3. ก็ถ้าเขายืนยันว่าเขาไม่เห็น แล้วจะไปฟ้องว่าเขาให้การเท็จได้อย่างไร เพราะไปฟ้องเขา ๆ ก็ยังคงยืนยันว่าเขาไม่เห็นอยู่นั่นเอง