เรียนอาจารย์มีชัย
ดิฉันอยากทราบว่าการกู้เงินที่มีหนังสือสัญญา 2 ฉบับคือฝ่ายผู้กู้และผู้ให้กู้ โดยไม่มีอัตาดอกเบี้ยและไม่มีหลักประกันแต่อย่างใด จำนวนเงินกู้ 140,000 บาท ทั้งคู่ตกลงกันว่าชำระคืนในสัญญากู้ทุกวันที่ 5 เดือนละ 5,000 บาท ช่วง 3 เดือนแรกชำระจริงเดือนละ 5,000 บาท ตามสัญญา แต่หลังจากนั้นเริ่มชำระไม่ไหวจึงขอลดหย่อนเหลือเดือนละ 3,000 บาทโดยปากเปล่าไม่ได้เขียนสัญญาใหม่ ก็ได้ชำระมาเรื่อย ๆ จนเริ่มไม่ไหวขาดชำระบ้าง แตขอลดหย่อนเหลือเดือนละ 2,000 บาทโดยปากเปล่าไม่ได้เขียนสัญญาใหม่ ชำระมาได้ 3-4 เดือน ช่วงนั้นติดปัญหาน้ำท่วมก็ได้มีการเงียบไป เราจึงได้ไปทวงถามและเห็นใจแจ้งให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยชำระคือให้เริ่มชำระเดือน ม.ค.55 ก็ตกลงรับคำ แต่พอถึงกำหนดชำระ ผู้กู้ไม่ยอมชำระ โดยมีการทวงถามแจ้งว่าจะให้พอถึงกำหนดก็ได้พยายามเลี่ยงหนีไม่รับสาย ไม่ยอมพบหน้า พยายามหลบหนีหน้าโดยซ่อนตัวทุกครั้ง ไม่แม้แต่จะชำระหนี้เลย ตั้งแต่ ก.ค. 54 จนถึง ณ. ปัจจุบันยอดเงินที่ต้องชำระยังคงเหลือประมาณ 85,000 บาท สำเนาบัตรประชาชนผู้กู้ + สัญญาเงินกู้ ยังอยู่แต่ไม่ได้มีการติดอากรณ์แสตมป์ สามารถดำเนินคดีได้ไหมคะ แล้วจะคุ้มกับการดำเนินคดีไหมคะ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีประมาณเท่าไหร่คะ มีวิธีไหนแนะนำหรือสามารถให้ผู้กู้ชำระคืนบ้างได้ไหมคะ ขนาดขอให้ชำระเดือนละ 1,000 บาท ยังไม่คืนเลยเครียดมากเลยค่ะเพราะเงินส่วนนั้นก็ได้หยิบยืมญาติ ๆ มาอีกที เราต้องเป็นผู้ชำระคืนเอง (อ้อลืมบอกตั้งแต่แรกที่ได้ให้กู้ยืมเพราะเห็นแก่ว่าได้คบหากับลูกชายเขาเลยให้กู้ยืมแต่ได้เลิกคบมานานแล้วก็ยังมีการชำระเงินกู้คืนอยู่ค่ะ)
สัญญากู้นั้นใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้ แต่เวลาฟ้องร้องก็ต้องไปจ้างทนายความ จึงต้องไปติดต่อทนายความและถามเขาดูว่าเขาจะคิดค่าว่าความ และค่าใช้จ่ายเท่าไร จึงค่อยคำนวณดูว่าจะคุ้มหรือไม่
การที่เราคบกับใคร แล้วแสดงความใจดีจนตัวเองเดือดร้อน เพราะตัวเองก็ไม่มีจะให้เขา ต้องไปยืมจากคนอื่น เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการทำความดี เป็นการเบียดเบียนตนเอง