ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    047651 ค้ำประกันโสภา16 สิงหาคม 2555

    คำถาม
    ค้ำประกัน

    วันนี้มีปัญหาของเพื่อนบ้านขออาศัยให้ถามให้ เป็นดังนี้ค่ะ เพือนบ้านสมมุติชื่อโชคไปค้ำประกันเช่าซื้อรถของญาติชื่อสน ตั้งแต่ปลายปี๒๕๓๕ ผ่อนสงไปหกงวดแล้วขาดผ่อน ๓ งวด เพราะแสนยังเก็บเงินค่าจ้างก่อสร้างจากผู้ว่าจ้างไม่ได้ ได้พากันไปเจรจาขอเวลาอีก ๒ อาทิตย์ จะนำเงินไปตัดค่างวดที่ค้าง บริษัทตกลง แต่พอกลับถึงบ้าน คนของบริษัทก็มาขอกุญแจรถและขับกลับบริษัท บอกว่าจะเอารถไปไว้บริษัท เอาเงินไปจ่ายค่างวดที่ค้างก็จะให้เอารถกลับ ครบ ๒ อาทิตย์ ยังเก็บค่าจ้างไม่ได้ก็ไปขอผลัดจะเอาเงินลูกชายมาจ่ายภายในสิ้นเดือน บริษัทตกลง เพียงอาทิตย์เดียวก็ได้เงินรีบเอาไปจ่ายที่บริษัท (กลางปี๓๖)ปรากฎว่ารถไม่อยู่แล้ว ผู้จัดการบอกว่าเอาไปไว้โกดังแล้ว เตรียมประมูล สนก็แย้งว่าตกลงกันแล้วให้เราเอาเงินมาตัดค่างวดที่ค้างจะเอาไปประมูลไม่ได้ รถอยู่ในสภาพใหม่เพราะทะนุถนอมอย่างดี และมีเครื่องใช้ส่วนตัวที่อยู่ในรถด้วยราคาสามหมื่นเศษ เจ้าของบอกว่าจะให้คนยึดรถเอาไปคืนให้ สนคอยรับเครื่องเสียงคืน ก็ไม่ได้รับ บริษัทก็บอกด้วยว่าให้ไปประมูลเอาแต่ไม่บอกเวลาสถานที่ เคยสอบถามหลายครั้งก็ว่ายังไม่ได้กำหนดวัน หลายเดือนก็ไม่คืบหน้าจึงเลิกติดตาม ประมาณปี๒๕๔๘ สนก็เสียชีวิตผู้จัดการบริษัทก็มางานศพ โชคยังถามว่าเรื่องรถเป็นอย่างไรโชคว่าก็ถามไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้จะคุยอะไร ผู้จัดการก็ว่าขายไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้วอยู่ ๆ เมื่อต้นเดือนนี้โชคก็ได้รับคำฟ้องเรียกค่าส่วนต่างของราคาทุนกับราคาขายประมาณแสนเศษมีดอกเบี้ยอีก ๒๑% ต่อปี ในฟ้องบอกว่าไฟแนนซ์ล้มละลาย ปี ๒๕๔๖ และปี๒๕๔๙ นำสิทธิเรียกร้องของบริษํทล้มละลายขายทอดตลาด และมีขายต่ออีกสองทอด  ผู้ฟ้องเป็นบุคคลธรรมดาอายุ๒๒ ปี ว่าเป็นผู้ซื้อหนี้เมื่อต้นปี๕๕ นี้ ผู้ฟ้องส่งจดหมายมาบอกให้ชำระหนี้ แสนเศษพร้อมดอกเบี้ย๒๑% จากปี ๒๕๔๖ถึงวันฟ้อง รวมเป็นเกือบสามแสน แต่ไม่ได้ติดต่อกลับ เพราะไม่น่าจะมีหนี้จริงและลูกบอกว่าหากมีหนี้จริงก็เกินสิบปีแล้ว ขาดอายุความ แล้วมาถูกฟ้อง ดูเอกสารที่ติดมากับฟ้องเป็นสัญญาเช่าซื้อสัญญาค้ำประกัน หนังสือมอบอำนาจ ตัวเล็กและจางมากอ่านไม่ออก มีหนังสือทวงหนี้แบบเดียวกับที่ได้รับเมื่อเดือนก่อนฟ้องด้วย อ่านบัญชีพยาน มีหนังสือแจ้งให้ลูกหนี้คดีล้มละลายปฏิเสธหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ปี ๒๕๔๖ ซึ่งพวกเราก็งงว่ามันคืออะไร มีคนบอกว่าเป็นคดีผู้บริโภคให้ไปศาลจะมีพนักงานศาลดูแลให้ เขาฟ้องโชคฐานะผู้ค้ำประกันคนเดียว  จึงอยากปรึกษาอาจารย์ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องเตรียมอะไรไป ศาลนัดวันจันทร์ที่จะถึงนี้แล้ว บอกว่าไกล่เกลี่ย/ให้การ/สืบพยาน

    คำตอบ

    ถ้ายังไม่รู้ว่าเขาฟ้องเรื่องอะไร ก็ต้องเอาคำฟ้องที่เขาส่งมาให้ มาอ่านให้ละเอียด หรือถ้าไม่ได้รับ หรือทิ้งไปแล้ว ก็ต้องไปศาลตามที่ศาลนัด จะได้รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

         ไม่ต้องตกใจหรอก เพราะมีคนไทยอีกเป็นจำนวนหมื่นหรือแสน ทั้งในขณะนี้ และในเวลาต่อไป ที่จะตกอยู่ในที่นั่งแบบเดียวกับคุณ เพราะตอนนี้รัฐบาลกำลังมีนโยบาย รถคันแรก และบ้านหลังแรก  ผู้คนจึงไปซื้อรถด้วยวิธีผ่อนส่ง และหาคนค้ำประกัน อย่างน้อย ๆ รถคันหนึ่ง จึงมีคนเป็นหนี้อยู่ ๒ คน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้นึกอะไรมาก เมื่อมีเงินดาวน์ ก็ไปซื้อ ส่วนจะมีส่งต่อไปหรือไม่ค่อยไปคิดเอาในวันข้างหน้า  เมื่อถึงเวลาไม่มีชำระ ก็มักจะปล่อยให้เขามายึดเอาไป (บางคนอาจจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร) นึกว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่ลงท้ายก็จะโดนแบบคุณ คือ เขาเอารถไปขายในราคาถูก ๆ ซึ่งยังไม่พอชำระหนี้ แล้วก็ปล่อยเวลาไปเรื่อย ๆ เพราะในระหว่างนั้นก็คิดดอกเบี้ยในอัตรามหาโหด ถึงเวลาก็ฟ้องร้อง คนทั่วไปก็นึกเอาว่า เราไม่ไปศาลเสียอย่างใครจะทำอะไรได้  เมื่อไม่ไปศาล ศาลก็ต้องฟังความข้างเดียว เขาฟ้องว่าอย่างไร ก็มักจะต้องเป็นไปตามนั้น เวลาฟ้องเขาก็ฟ้องทั้งลูกหนี้ และผู้ค้ำประกัน ส่วนใหญ่ผู้ค้ำประกันมักจะโดนหนักกว่า เพราะไม่รู้เรื่อง จึงไม่ได้เตรียมตัว ส่วนลูกหนี้ที่แท้จริง มักจะหลบหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  ส่วนใหญ่ก็นั่งงง ๆ อย่างที่เพื่อนคุณกำลังงงกันอยู่นี่แหละ ยังมีเพื่อนอีกมากนัก ลองเข้าไปอ่านคำถามทำนองนี้ โดยเฉพาะในหัวข้อ "ค้ำประกัน" ดูเถอะ บางทีจะทำให้อุ่นใจว่า เราไม่ได้โดนคนเดียว


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    16 สิงหาคม 2555